- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Monday, 16 June 2014 23:34
- Hits: 3451
เจ้าของโกดังวิ่งพล่านหาซื้อหลัง 'คสช.'ตั้งทีมเช็คสต๊อกข้าวหาย
แนวหน้า : นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ชี้ราคาข้าวเปลือกในตลาดจ่อฟื้นตัวในช่วงสั้นๆ หลังบรรดาเจ้าของโกดังกว้านซื้อไปทดแทนข้าวที่หายไปจากสต๊อก เพราะกลัวความผิด
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การเอาจริงเอาจังของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในการเร่งและเข้มงวดตรวจสอบสต็อกข้าวที่หายไปจะช่วยให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศปรับตัวขึ้นมาในระดับหนึ่งในช่วงระยะสั้น เนื่องจากจะทำให้บรรดาเจ้าของโกดังที่มีข้าวไม่ครบตามบัญชีจะต้องเร่งซื้อข้าวในตลาดเพื่อนำมาเก็บในสต็อก เพราะกลัวความผิด ตามที่หลายฝ่ายเชื่อว่าจะมีหลายโกดังมีปริมาณข้าวไม่ครบตามจำนวน หรือมีข้าวที่คนไม่สามารถกินได้ปะปนอยู่
อีกทั้ง เชื่อว่าราคาข้าวมีโอกาสดีขึ้นได้อีก หากรัฐบาลไม่การออกนโยบายดูแลราคาข้าวไม่มีการบิดเบือนกลไกตลาดมากเกินไป จนเพิ่มสต็อกในประเทศให้มากขึ้นไปอีก ประกอบกับสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ผลผลิตข้าวทั่วโลกปรับลดลงจะเป็นปัจจัยช่วยให้ราคาปรับตัวขึ้นเช่นกัน
ปัจจุบันราคาส่งออกข้าวขาว 5% ของไทยมีราคาต่ำสุดในโลกเมื่อเทียบกับประเทศผู้ส่งออกข้าวหลักรายอื่น ต่างจากในอดีตที่ราคาข้าวขาว 5% ของไทยมักจะมีราคาส่งออกสูงที่สุดในโลก และสูงกว่าประเทศอื่นกว่า 20-30 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยมองว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ข้าวมีราคาตกต่ำ เพราะรัฐบาลรักษาการชุดก่อนเร่งระบายข้าวในสต็อกเพื่อนำเงินมาจ่ายให้ชาวนาจนมีข้าวในตลาดในปริมาณสูง ประกอบกับไทยมีสต็อกข้าวจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่า หากปัจจัยต่างๆ เอื้อต่อข้าวไทย ภายในปีนี้ราคาส่งออกข้าวขาว 5% มีโอกาสที่จะปรับราคาไปอยู่ในระดับ 420-430 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือทำให้ราคาข้าวเปลือกปรับเพิ่มจากกว่า 7,000 บาทต่อตันเป็น 8,500 บาท ซึ่งจะช่วยให้ชาวนาไม่เดือดร้อนมากนัก และเป็นราคาที่เอกชนก็สามารถทำตลาดในต่างประเทศได้ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาข้าวขาว 5% ของไทยอยู่ที่ราคาตันละ 392 เหรียญสหรัฐ, เวียดนาม ราคา 405 เหรียญฯต่อตัน สูงกว่าไทย 13 เหรียญฯ, อินเดีย ราคา 435 เหรียญฯต่อตัน สูงกว่าไทย 43 เหรียญฯ และ ปากีสถาน ราคา 440 เหรียญฯต่อตัน สูงกว่าไทย 48 เหรียญฯ
สำหรับ การส่งออกข้าวในช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่าแนวโน้มการส่งออกข้าวของไทยจะดีขึ้น และไทยน่าจะแซงอินเดียกลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1ในด้านของปริมาณได้อีกครั้ง เพราะราคาข้าวไทยยังต่ำกว่าคู่แข่ง อย่างอินเดีย และเวียดนามอยู่พอสมควร ประกอบกันจีนที่มีความต้องการนำเข้าข้าวมากขึ้น รวมถึงกรณีของอินเดียที่อาจมีการทบทวนนโยบายส่งออกข้าวด้วยเช่นกัน
พร้อมกันนี้ นายชูเกียรติ ได้เสนอแนวทางในวางนโยบายข้าวไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นในระยะยาว ในอนาคตภาครัฐต้องช่วยเหลือชาวนาเรื่องของต้นทุนการผลิต เร่งพัฒนาวิจัยพันธุ์ข้าว และศึกษาความต้องการข้าวของแต่ละตลาดในอนาคต ว่าต้องการข้าวประเภทไหน เพื่อให้ภาครัฐ ผู้ส่งออกข้าว และชาวนา สามารถวางแผนการผลิตข้าวให้ตรงความต้องการของตลาดที่มีมูลค่าสูงได้ และเชื่อว่าหากสามารถดำเนินการได้พร้อมกัน ข้าวไทยจะสามารถหนีคู่แข่งได้ทั้งด้านราคา และความสามารถในการแข่งขัน
มีรายงานข่าวจาก กระทรวงการคลัง แจ้งว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าข้าวสารหายไปจากสต๊อกข้าวอีกราว 2.8 ล้านตัน โดยไม่ได้มีข้าวอยู่จริง เป็นแค่ตัวเลขทางบัญชีเท่านั้น และยังพบว่ามีข้าวเสื่อมคุณภาพอีกจำนวนมากด้วย ขณะที่คสช.ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้แล้วว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร