กรมพัฒน์คาดยอดตั้งบริษัทปีนี้ไม่ถึง 7 หมื่นรายธุรกิจก่อสร้างอาคารยังครองแชมป์

     แนวหน้า : นายชัยณรงค์ โชไชย รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในเดือนพฤษภาคม 2557 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ 4,583 ราย เพิ่มขึ้น 318 ราย คิดเป็น 7% จากเดือนเมษายน 2557 ซึ่งมีจำนวน  4,265 ราย และเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2556 ลดลง 1,592 ราย คิดเป็น 26% เนื่องจากการจดทะเบียนธุรกิจค้าสลากในเดือนพฤษภาคม 2557 มีเพียง 1 ราย ลดลง 1,525 ราย คิดเป็น 99.9%

    ส่วนมูลค่าการทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ในเดือนพฤษภาคม 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 20,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,994 ล้านบาท คิดเป็น 17% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2557 ซึ่งมีจำนวน 17,289 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2556 เพิ่มขึ้น 442 ล้านบาท คิดเป็น 2% โดยมีจำนวน 19,841 ล้านบาท

    สำหรับ ประเภทธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไปจำนวน 576 ราย ซึ่งเป็นธุรกิจที่เป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องมาจากเดือนก่อนหน้า ส่วนพื้นที่ที่ขอจดทะเบียนมากสุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 118 ราย คิดเป็น 20% ของการขอจดทะเบียนธุรกิจก่อสร้างในเดือนนี้ ,อสังหาริมทรัพย์ จำนวน 286 ราย, ภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 102  ราย,ขายส่งเครื่องจักร จำนวน 94 ราย และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ จำนวน 90 ราย ตามลำดับ

    ในขณะที่เดือนพฤษภาคม 2557 นี้มีนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศ 833 ราย ซึ่งสถิติการจดทะเบียนเลิกได้ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 4 ราย หรือประมาณ 0.5% ถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากการจดทะเบียนเลิกเริ่มมีแนวโน้มลดลง โดยสาเหตุการจดทะเบียนเลิกนั้น เนื่องจากไม่ประกอบธุรกิจ 46% ผลตอบแทนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย 22% ประสบภาวะขาดทุน 18% และปัญหาอื่นๆ เช่น หุ้นส่วนมีความขัดแย้งกัน ปัญหาสุขภาพ หุ้นส่วนเสียชีวิต 14% อย่างไรก็ตามในช่วง 5 เดือนแรกปี 2557 (มกราคม-พฤษภาคม 2557) มีการจดทะเบียนเลิกธุรกิจแล้วกว่า 4,500 ราย ซึ่งกว่า 93% หรือประมาณ 4,000 กว่าราย เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)

      ทั้งนี้ สถิติการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท 5 ปีย้อนหลัง มีการเพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่แนวโน้มการจดทะเบียนบริษัทตั้งใหม่จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม เพราะจากในช่วงต้นเดือนมิถุนายน มีการยื่นขอจดทะเบียนตั้งบริษัทแล้วกว่า 2,000 ราย และคาดว่าทั้งเดือนมิถุนายนน่าจะมีการขอตั้งบริษัทกว่า 5,000 ราย โดยมองว่าทั้งปี 2557 การจดทะเบียนบริษัทตั้งใหม่จะมีมากกว่า 60,000 ราย แต่คงจะไม่ถึง 70,000 ราย ตามที่ตั้งเป้าไว้

      นายชัยณรงค์ กล่าวว่า ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2557 มีห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศจำนวน 566,281 ราย มีทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 10.79 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทจำกัด 393,811 ราย บริษัทมหาชนจำกัด 1,056 ราย และห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 171,414 ราย

บริษัท'เปิดใหม่'เดือนพ.ค.วูบ 26%ชี้คสช.ดันเชื่อมั่นกล้าทำธุรกิจเพิ่ม

      ไทยโพสต์ : นนทบุรี * พาณิชย์เผยบริษัทตั้งใหม่เดือน พ.ค. เพิ่มจากเม.ย. 7% แต่ลดลงเมื่อเทียบ พ.ค.ปีก่อน 1,592 ราย หรือ 26% ขณะที่ทุนจดทะเบียนมีสูงขึ้น คาดหลัง คสช.บริหารประเทศ คนเชื่อมั่น หนุนตั้งธุรกิจใหม่มากขึ้น

     นายชัยณรงค์ โชไชย รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิด เผยว่า ในเดือน พ.ค.2557 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะ เบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ 4,583 ราย เพิ่มขึ้น 318 ราย คิดเป็น 7% เมื่อเทียบเดือน เม.ย.2557 ซึ่ง มี 4,265 ราย แต่ลดลง 1,592 ราย คิดเป็น 26% เมื่อเทียบ เดือน พ.ค.2556 ซึ่งมี 6,175 ราย ส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียน เลิกกิจการทั่วประเทศในเดือนพ.ค.2557 มีจำนวน  833 ราย

     สำหรับ มูลค่าทุนจดทะ เบียนจัดตั้งใหม่ในเดือน พ.ค.2557  มีทั้งสิ้น 20,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,994 ล้านบาท คิดเป็น 17% เมื่อเทียบเดือน เม.ย.2557 ซึ่งมี 17,289 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 442 ล้านบาท คิดเป็น 2% เมื่อเทียบเดือน พ.ค.2556 ซึ่งมี 19,841 ล้านบาท

   ประเภทธุรกิจที่จดทะ เบียนจัดตั้งสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป 576 ราย อสังหาริมทรัพย์ 286 ราย ภัตตาคาร ร้านอาหาร 102 ราย ขายส่งเครื่องจักร 94 ราย และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ 90 ราย ตามลำดับ

    นายชัยณรงค์ กล่าวว่า หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามา บริหารประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมเดือน พ.ค.ที่สำรวจโดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีการปรับตัวดีขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน โดยอยู่ที่ระดับ 60.7

   นอกจากนี้ ตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่น เช่น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เป็นต้น ล้วนมีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจมากขึ้น และน่าจะส่งผลให้การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยกรมจะได้ติดตามผลการจดทะเบียนหลังจากนี้ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด.