- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 18 April 2015 22:43
- Hits: 2867
นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย จ่อปรับตัวเลขส่งออกข้าวใหม่
บ้านเมือง : นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ ประธานที่ปรึกษานายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า แม้ผลงานรัฐบาลในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาจะสอบผ่าน แต่สิ่งที่ภาคเอกชนอยากฝากรัฐบาลหลังจากนี้ คือ หามาตรการที่จะทำอย่างไรไม่ให้พืชผลทางการเกษตรของไทย อาทิ ข้าว มันสำปะหลังและยางพารา ปรับตัวลดลงมากเกินไป ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรลดลงมาจากปัญหาราคาน้ำมัน แต่จากการติดตามขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มขยับตัวสูงขึ้น น่าจะทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ พืชผลทางการเกษตรของไทยที่จะออกสู่ตลาดค่อนข้างมาก รัฐบาลจำเป็นต้องหามาตรการชะลอปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดด้วยการจัดทำโครงการให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับเกษตรกร เพื่อชะลอปริมาณผลผลิต ประกอบกับเร่งเดินหน้าหาตลาดใหม่ เพื่อระบายสินค้าเกษตรออกสู่ตลาดให้มากขึ้น และทำการประชาสัมพันธ์ เช่น ข้าวหอมมะลิของไทยไปประเทศต่างๆ เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่าราคาข้าวไทยจะมีราคาสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงเป็นหนทางให้ประเทศคู่ค้าหันไปซื้อข้าวชนิดเดียวกันในประเทศอื่น ทำให้ผู้ที่ต้องการข้าวไทยหันไปซื้อจากประเทศเหล่านี้แทน จึงทำให้ปริมาณการส่งออกข้าวไทยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาหลุดเป้าหมาย จากที่ตั้งไว้น่าจะส่งออกได้ถึง 2.5 ล้านตัน แต่ส่งออกได้เพียง 2.1-2.2 ล้านตันเท่านั้น และดูแนวโน้มความต้องการข้าวไทยในช่วง 2-3 เดือนนี้ยังไม่ค่อยดี ทำให้เป้าหมายที่ผู้ส่งออกประเมินไว้ว่าการส่งออกข้าวไทยทั้งปีจะได้ถึง 10 ล้านตันอาจเป็นเรื่องลำบาก ซึ่งภายใน 1-2 เดือนนี้สมาคมฯ จะประเมินส่งออกข้าวไทยอีกครั้ง โดยอาจจำเป็นต้องปรับประมาณการส่งออกข้าวไทยปีนี้ ซึ่งน่าจะส่งออกได้เพียง 8-9 ล้านตัน
โดยภาคเอกชนยังเชื่อว่าความต้องการข้าวไทยในหลายตลาดยังมีสัดส่วนสูง เช่น ไนจีเรีย แอฟริกา และอีกหลายประเทศ แต่สิ่งสำคัญต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมเดินหน้าสร้างความเข้าใจข้าวไทยให้มากขึ้น อีกทั้งอยากให้รัฐบาลดูสถานการณ์ที่เหมาะสมไม่ควรเร่งระบายสต๊อกข้าวในขณะนี้ โดยควรชะลอการระบายอย่างน้อย 2-3 เดือน เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ โดยเฉพาะต้องมีการติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลัง และรัฐบาลต้องดูแลความเข้มแข็ง รวมทั้งจัดระบบการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยระยะสั้นจะต้องชะลอการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลและหามาตรการให้เกษตรกรลดการขายสินค้าเกษตรผ่านอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น รวมทั้งยังมองว่าราคาข้าวเปลือกปัจจุบันน่าเฉลี่ย 7,500-8,000 บาทต่อตัน โดยจะเป็นราคาต่ำกว่าเกณฑ์ที่รัฐบาลตั้งไว้ แต่เป็นจุดสำคัญที่รัฐบาลต้องเร่งทำความเข้าใจกับเกษตรกร รวมทั้งภาคเอกชนกำลังประสบปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกลง ดังนั้นรัฐบาลจะต้องดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไป