- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Monday, 30 March 2015 23:57
- Hits: 1675
พาณิชย์ฯ เตือน ผู้ประกอบการค้างาช้าง เร่งยื่นขออนุญาตค้างาช้าง ตาม พ.ร.บ.งาช้างฉบับใหม่ ก่อน 21 เมษายน 58
กระทรวงพาณิชย์ โดย กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตือน! ผู้ประกอบการค้างาช้างทั่วประเทศ ทั้งที่ได้จดทะเบียนพาณิชย์แล้ว และที่ยังไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ ต้องขออนุญาตค้างาช้าง ตาม พ.ร.บ.งาช้างฉบับใหม่ต่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชก่อนวันที่ 21 เมษายน 2558 หากเลยกำหนดมีโทษปรับสูงสุด 6 ล้านบาท หรือ จำคุกสูงสุด 3 ปี หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ล่าสุดผนึกกำลัง 4 หน่วยงานพันธมิตรลงพื้นที่ค้างาช้างทั่วประเทศชี้แจงทำความเข้าใจกฎหมายงาช้างฉบับใหม่
นายชัยณรงค์ โชไชย รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย คนที่ 1 เปิดเผยว่า ปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวชุติมา บุณยประภัศร) และปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษฏ์) มีความกังวลใจเกี่ยวกับผู้ประกอบการค้างาช้างที่ยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตค้างาช้างตาม พ.ร.บ.งาช้างฉบับใหม่ เนื่องจากมีโทษสูง คือ ปรับสูงสุดไม่เกิน 6 ล้านบาท หรือ จำคุกสูงสุดไม่เกิน 3 ปี หรือ ทั้งจำและปรับ จึงได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งลงพื้นที่ค้างาช้างทั่วประเทศเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายค้างาช้างฉบับใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2558 ที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2558 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ผนึกกำลังกับ 3 หน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมประชาสัมพันธ์ ลงพื้นที่ค้างาช้าง จำนวน 8 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร (ท่าพระจันทร์) นำโดย พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายชัยณรงค์ โชไชย รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์ และอีก 7 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา สุรินทร์ บุรีรัมย์ เชียงใหม่ นครสวรรค์ อุทัยธานี และภูเก็ต เพื่อให้คำแนะนำในการจัดเตรียมเอกสารคำขอแก่ผู้ประกอบการในการจดทะเบียนร้านค้างาช้างและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่มีงาช้างบ้านแจ้งการครอบครองภายในกำหนด
นายชัยณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่เพื่อออกไปชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการร้านค้างาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างบ้านที่ค้าอยู่เดิมก่อนพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. 2558 มีผลใช้บังคับ ทั้งที่ได้จดทะเบียนพาณิชย์แล้ว และยังไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ ต้องขออนุญาตค้างาช้างจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ก่อนจึงจะค้าต่อได้โดยที่ร้านค้าจะต้องจัดทำบัญชีการได้มา บัญชีการแปรรูป และบัญชีการค้างาช้าง เพื่อควบคุมการค้างาช้างบ้าน มิให้มีการลักลอบนำเอางาช้างแอฟริกาเข้ามาปะปน ซึ่งเป็นการตัดวงจรขบวนการค้างาช้างแอฟริกาข้ามชาติที่ผิดกฎหมายตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทยฉบับแก้ไข ซึ่งประเทศไทยต้องจัดทำรายงานความก้าวหน้าครั้งที่ 2 ส่งให้คณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ภายในวันที่ 31 มีนาคมนี้ โดยหากประเทศไทยไม่สามารถดำเนินการได้ตามคำแนะนำของไซเตส อาจจะถูกคว่ำบาตรทางการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าตามบัญชีของอนุสัญญาไซเตสได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไม่น้อยกว่า 42,000 ล้านบาทต่อปี
สำหรับ การขออนุญาตค้างาช้างบ้าน และการแจ้งครอบครองงาช้างบ้านในท้องที่กรุงเทพมหานคร สามารถแจ้งได้ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในวันและเวลาราชการตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น.สำหรับ ต่างจังหวัดแจ้งได้ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1- 16 และสาขา ภายในวันที่ 21 เมษายน 2558
ทั้งนี้ ในท้องที่กรุงเทพมหานคร กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะเปิดให้มีการรับแจ้งการครอบครองงาช้างเพิ่มเติมในวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30– 16.30 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือ ดาวน์โหลดแบบแจ้งการครอบครองที่ www.dnp.go.th แล้วส่งไปรษณีย์ลงทะเบียนทาง ตู้ ปณ. 555 ปณศ.จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 0989505436, 0882061223, 0995636658 หรือ สายด่วนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย