- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 26 March 2015 23:03
- Hits: 1733
ฝืนเศรษฐกิจโลกตกไม่ไหว'ฉัตรชัย' จ่อทบทวนเป้าส่งออก 2 เดือนติดลบ 4.8%
บ้านเมือง : พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ส่งออกสินค้าไทยว่า ในช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ปีนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยขยายตัวติดลบประมาณ 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัญหาหลักมาจากการส่งออกน้ำมันลดลงมาก ส่วนทองคำส่งออกลดลงถึง 60% ตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ แต่ในเดือน ก.พ.ไทยกลับมีการนำเข้าทองคำเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะแถลงข่าวตัวเลขส่งออกอย่างเป็นทางการวันที่ 26 มี.ค.นี้
"เศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้ายังไม่ดีนัก ทำให้มูลค่าการส่งออกไทยลดลงมาก แต่ไม่ใช่ไทยประเทศเดียวที่ลดลง หลายประเทศมูลค่าส่งออกลดลงเช่นกัน เช่น อินเดีย ที่ลดลง 13% อินโดนีเซีย ลดลง 11.9% สิงคโปร์ ลดลง 8.6% ออสเตรเลีย ลดลง 8.4% และสหรัฐ ลดลง 5.1% แต่ไทยยังดีกว่าหลายประเทศ หากวิเคราะห์ตลาดได้อย่างชัดเจน มีโอกาสที่จะผลักดันให้การส่งออกขยายตัวได้ แม้เศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้นตัวในเร็วๆ นี้"
ส่วนเป้าหมายการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกในปีนี้ ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 4% จากปี 57 นั้น จนถึงขณะนี้ ยังยืนยันเป้าหมายเดิม แม้หลายหน่วยงานได้ปรับลดลงแล้ว แต่จะมีการทบทวนสถานการณ์การส่งออกของไทยอีกครั้งภายหลังจากสิ้นไตรมาสแรกปีนี้ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือภาคเอกชนรายใหญ่เป็นพี่เลี้ยงในด้านการส่งออกให้กับผู้ประกอบการรายกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ซึ่งล่าสุดอยู่ในขั้นตอนการถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการตลาด โอกาสและช่องทางการส่งออก รวมถึงแนวโน้ม และกฎระเบียบต่างๆ ก่อนคัดเลือกเอสเอ็มอีเดินทางไปเปิดตลาดในต่างประเทศในเดือน เม.ย.นี้ สำหรับรายใหญ่ที่ให้ความร่วมมือแล้ว ได้แก่ สหพัฒน์ เป็นพี่เลี้ยงในตลาดอาเซียน, เซ็นทรัล ตลาดเวียดนาม และอินโดนีเซีย, ซีพี ตลาดจีน และไทยเบฟ ตลาดอาเซียน
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวต่อถึงการเปิดประมูลระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลว่า ได้สั่งการให้ชะลอการระบายครั้งที่ 3/58 ออกไปก่อน จากเดิมที่มีแผนจะระบายข้าวทุกเดือน เพราะอาจทำให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศที่กำลังออกสู่ตลาดขณะนี้ตกต่ำได้ คาดว่าจะเปิดระบายได้อีกครั้งประมาณเดือน พ.ค. หรือเดือน มิ.ย.นี้ แต่ในช่วงนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเร่งส่งมอบข้าวให้จีน ตามสัญญาซื้อขายเดิม 1 ล้านตัน แต่ได้ส่งมอบแล้วเพียง 300,000 ตันเท่านั้น ส่วนข้าวเสื่อมที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 ล้านตัน จะเปิดประมูลได้หลังเดือน ส.ค.นี้ไปแล้ว
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวภายหลังประชุมติดตามผลการดำเนินงานของกระทรวงว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเดินหน้าจัดโครงการธงฟ้าลดค่าครองชีพประชาชนตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง แต่ปรับให้เน้นพื้นที่ห่างไกลในทุกภูมิภาคมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมและไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าขายปกติของชุมชนทั่วประเทศ แต่ให้ชะลอโครงการรถโมบายธงฟ้าออกไปก่อน เพราะอาจจะมีผลกระทบต่อระบบการค้าภายในชุมชน ซึ่งต้องพิจารณาตามสถานการณ์ความจำเป็นแต่ละช่วงเวลา โดยระหว่างวันที่ 2-6 เม.ย.นี้ กรมการค้าภายในเตรียมจัดงานมหกรรมธงฟ้ามหาชน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เมืองทองธานี โดยมีการจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดถึง 600 บูธ เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน
นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดตัวเครือข่ายนักศึกษาอาสาพาณิชย์ระดับอุดมศึกษา 2,600 คน เพื่อสร้างแนวร่วมเครือข่ายประชาชนเฝ้าระวังป้องปรามการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งจากผลการรับเรื่องร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ตั้งแต่เดือน ต.ค.57-มี.ค.58 มีการร้องเรียน 1,180 คำร้อง กระทำผิดจริง 86 ราย ได้แก่ ไม่ปิดป้ายแสดงราคา 77 ราย ซึ่งได้มีการเปรียบเทียบปรับ 124,400 บาท และขายไม่ตรงราคาป้ายที่แสดง 9 ราย เปรียบเทียบปรับ 28,000 บาท
ส่วนความคืบหน้าการแก้ปัญหากระเทียมออกสู่ตลาดจำนวนมากนั้น คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ได้อนุมัติวงเงิน 3.2 ล้านบาท ชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม 4,516 ราย โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือน มี.ค.-มิ.ย. เพื่อให้เกษตรกรชะลอการจำหน่ายกระเทียม และรอจังหวะการจำหน่าย เพื่อให้ได้ราคาสูงขึ้น
ส่งออก 2 เดือนติดลบ 4.8% ฉัตรชัยเบรกระบายข้าว สั่งเลิก'ธงฟ้าเคลื่อนที่'
ไทยโพสต์ : พาณิชย์ * พล.อ.ฉัตรชัยเผยส่งออกสินค้าไทย 2 เดือนแรก ติดลบ 4.8% หลังราคาน้ำมัน-ทองคำร่วง ฉุดมูลค่าส่งออกร่วงตาม แต่กลับนำเข้าทองพุ่ง พร้อมสั่งชะลอระบายข้าวจนถึงเดือน พ.ค. ยกเลิกโครงการธงฟ้าเคลื่อนที่สู่ชุมชน หวั่นกระทบโชห่วย
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า สถาน การณ์ส่งออกสินค้าไทยในช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ปีนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกขยายตัวติดลบประมาณ 4.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ปัญหาหลักมาจากการส่งออกน้ำมันลดลงมาก ส่วนทองคำส่งออกลดลง 60% ตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ แต่ในเดือน ก.พ. ไทยกลับมีการนำเข้า ทองคำเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ ตาม กระทรวงพาณิชย์จะแถลงตัวเลขส่งออกอย่างเป็นทางการวันที่ 26 มี.ค.นี้
"เศรษฐกิจโลกและประ เทศคู่ค้ายังไม่ดีนัก ทำให้มูลค่าการส่งออกไทยลดลงมาก แต่ไม่ ใช่ไทยประเทศเดียวที่ลดลง หลาย ประเทศมูลค่าส่งออกลดลงเช่น กัน เช่น อินเดียลดลง 13% อิน โดนีเซียลดลง 11.9% สิงคโปร์ลดลง 8.6% ออสเตรเลียลดลง 8.4% และสหรัฐลดลง 5.1% แต่ไทยยังดีกว่าหลายประเทศ หากวิเคราะห์ตลาดได้อย่างชัดเจน มีโอกาสที่จะผลักดันให้การส่งออกขยายตัวได้ แม้เศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้นตัวในเร็วๆ นี้" พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว
ส่วนเป้าหมายการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกปีนี้ ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 4% จากปี 2557 จนถึงขณะนี้ยังยืน ยันเป้าหมายเดิม แม้หลายหน่วยงานได้ปรับลดลงแล้ว แต่จะมีการทบทวนสถานการณ์การส่งออกของไทยอีกครั้งภายหลังจากสิ้นไตรมาสแรกปีนี้
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวถึงการเปิดประมูลระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลว่า ได้สั่งการให้ชะลอการระบายครั้งที่ 3/2558 ออกไปก่อน จากเดิมที่มีแผนจะระบายข้าวทุกเดือน เพราะอาจทำให้ราคาข้าวเปลือกในประ เทศที่กำลังออกสู่ตลาดขณะนี้ตกต่ำได้ คาดว่าจะเปิดระบายได้อีกครั้งประมาณเดือน พ.ค. หรือเดือน มิ.ย.นี้ แต่ช่วงนี้กระ ทรวงพาณิชย์จะเร่งส่งมอบข้าวให้จีน ตามสัญญาซื้อขายเดิม 1 ล้านตัน แต่ได้ส่งมอบแล้วเพียง 300,000 ตันเท่านั้น ส่วนข้าวเสื่อมที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 ล้านตัน จะเปิดประมูลได้หลังเดือน ส.ค.ไปแล้ว
ส่วนการลดค่าครองชีพประชาชนนั้น ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในจัดโครงการธงฟ้า ขายสินค้าราคาประหยัดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี แต่จะปรับขนาดการจัดงานให้เล็กลง และเน้นขายในสถานที่ราชการที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลในทุกภูมิภาคให้มากขึ้น
ส่วนการจัดโครงการธงฟ้าเคลื่อนที่ (โมบาย ยูนิต) ให้หยุดไว้ก่อน เพราะอาจกระทบต่อร้านค้าปลีกดั้งเดิม (โชห่วย) แม้ประชาชนให้การตอบรับดีก็ตาม ซึ่งต้องพิจารณาตามสถานการณ์ความจำเป็นในแต่ ละช่วงเวลา.
พาณิชย์ เผย ศก.โลกฟื้นช้า-ราคาน้ำมัน-สินค้าเกษตรทรุด ฉุดส่งออก ก.พ.58 หดตัว 6.14% แต่นำเข้าโต 1.47%
กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า มูลค่าการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2558 อยู่ที่ 17,230 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 6.14% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) และ 2 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่าการส่งออก 34,478 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 4.82% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ด้านมูลค่าการนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2558 อยู่ที่ 16,840 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 1.47% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY)ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เกินดุล 390 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ หากคิดในรูปของเงินบาท มูลค่าการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ 2558 อยู่ที่ 558,292 ล้านบาท ลดลง6.78% YoY และ 2 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่าส่งออก 1,121,510 ล้านบาท ลดลง 4.60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่การนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัว 0.81% YoYส่งผลให้ดุลการค้าเดือนกุมภาพันธ์ 2558เกินดุล 6,217 ล้านบาท
ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดคู่ค้าหลักของไทยในปัจจุบันฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จึงมีการทบทวนตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจลง จากเดิมขยายตัวร้อยละ 3.8เหลือร้อยละ 3.5 เนื่องจากกำลังซื้อในตลาดโลกลดลง โดยเฉพาะสหภาพยุโรป จีน ญี่ปุ่นและอาเซียน ทำให้กระทบต่อการส่งออกของไทย
อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่ค้าและคู่แข่ง อาทิ จีน สหรัฐอเมริกา อินเดีย และอินโดนีเซีย ก็พบว่าการส่งออกของประเทศเหล่านั้นต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกของไทย ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์,ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรุดตัว กระทบต่อสินค้าส่งออกที่มีความเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรยังไม่ฟื้นตัว และราคาทองคำที่ผันผวนส่งผลกระทบต่อมูลค่าการส่งออก และปัจจัยลบจากค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินของประเทศคู่ค้า ส่งผลให้สินค้าไทยในสายตาของผู้ซื้อในตลาดเหล่านั้นแพงขึ้น
ทั้งนี้ หากไม่รวมสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและทองคำ มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 จะลดลง 2.4% YoY โดยสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมจะมีอัตราขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.9 สินค้าสำคัญที่เติบโตต่อเนื่อง ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับไม่รวมทองคำ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ ซึ่งขยายตัวร้อยละ 47.9, 17.1, 8.2 และ 12.8 ตามลำดับ
แนวทางในการดำเนินการด้านการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ จะมุ่งเน้นการผลักดันส่งออกไปยังตลาดใหม่เพิ่มขึ้น เช่น อาเซียน จีน ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา รัสเซีย และ CIS ควบคู่ไปกับการรักษาตลาดหลักคือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป เพื่อให้การส่งออกของไทยสามารถกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2558 ทางกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับทูตพาณิชย์จำนวน 63 แห่ง ซึ่งนำคณะผู้ซื้อจากต่างประเทศมาเจรจาการค้าในงานแสดงสินค้า และได้ประเมินสถานการณ์ของตลาดส่งออกร่วมกัน โดยมีแนวทางที่จะดำเนินการต่อไปดังนี้
1.ส่งเสริมการค้าและจัดคณะผู้แทนการค้าระดับสูงไปเจรจาการค้าเพิ่มมากขึ้นตามแผนที่วางไว้ อย่างชัดเจนในแต่ละตลาด โดยกำหนดยุทธศาสตร์สินค้าที่มีศักยภาพ และยุทธศาสตร์การเจาะกลุ่มผู้บริโภคตามความเหมาะสมในแต่ละตลาด
2.อำนวยความสะดวกทางการค้าให้มากขึ้น โดยจะหารือกับภาคเอกชนและรวบรวมมาตรการที่มีผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ เช่น ด้านโลจิสติกส์และพิธีการศุลกากร เป็นต้น และนำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาการส่งออกซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อจะได้มีการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม
3.เพิ่มช่องทางการค้าใหม่ให้กับผู้ค้าไทย เช่น ตลาดตะวันออกกลาง CIS และรัสเซีย เป็นต้น และให้มีการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาการค้าในระยะสั้นผ่านคณะกรรมการของทั้งสองฝ่ายจากแต่ละประเทศ รวมทั้งเพิ่มการทำ FTA กับประเทศใหม่ๆ ได้แก่ ปากีสถานและตุรกี
4.เพิ่มช่องทางการค้าผ่านช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในแต่ละตลาด
5.พัฒนา SMEs ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในระบบเศรษฐกิจของไทย และผลักดันให้ SMEs ที่มีพัฒนาการในการส่งออกให้ขยายการค้าออกไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย