- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 19 March 2015 23:08
- Hits: 2137
พณ.ใจดียังไม่คุมสินค้า 5 ชนิด
บ้านเมือง : นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมสินค้า 5 รายการ ได้แก่ เนื้อหมู, ข้าวสาร, น้ำมันพืช, ปุ๋ยเคมี และอาหารตามสั่งนั้น รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้ติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และพบว่าทุกรายการราคาทรงตัว โดยเนื้อหมูเฉลี่ยกิโลกรัม (กก.) ละ 120 บาท ถูกกว่าปีก่อนที่เฉลี่ย กก.ละ 140 บาท ข้าวสารราคายังเป็นปกติ, น้ำมันพืชอยู่ในราคาควบคุม, ปุ๋ยเคมีราคาทรงตัว และอาหารตามสั่งได้แก้ไขปัญหาแล้ว โดยร่วมมือกับห้างสรรพสินค้า, ห้างค้าปลีกสมัยใหม่จัดมุม "หนูณิชย์พาชิม" จำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จเมนูละ 35 บาท และยังเพิ่มจำนวนร้านหนูณิชย์พาชิมในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคด้วย
"ยอมรับว่า บางสินค้าอาจมีราคาสูงขึ้นบ้าง เช่น ผักสด เพราะอากาศร้อนและแล้งไว แต่มีแค่บางรายการเท่านั้น บางรายการราคายังปกติ เช่น ผักชี ส่วนไข่ไก่ขณะนี้ราคาถูกลงมาก เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ไม่ได้ทิ้งเกษตรกร โดยได้ช่วยแก้ไขปัญหาแล้ว" รมช.พาณิชย์ ระบุ
ส่วนการจัดทำโครงการธงฟ้าเคลื่อนที่ โดยรถเคลื่อนที่ออกไปจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพในราคาประหยัดตามชุมชนต่างๆ ในกรุงเทพฯ เมื่อเดือน ก.พ.-ต้น มี.ค.58 ว่า สามารถเข้าถึงชุมชนได้ 750 แห่งทั่วกรุงเทพฯ มียอดขาย 93 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 100 ล้านบาท แต่ช่วยประหยัดค่าครองชีพให้ประชาชนได้ 34 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะจัดทำโครงการดังกล่าวต่ออีกหรือไม่ รวมถึงการเพิ่มอาสาพาณิชย์ในการตรวจสอบราคาสินค้าและอาหาร
นางอภิรดี กล่าวถึงการผลักดันเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดสระแก้ว เพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน ของไทย-กัมพูชา ให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยกำหนดวันที่ 25-27 มี.ค.58 จะเชิญรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชามาร่วมหารือในการทำแผนทำงานร่วมกัน หลังจากที่ได้ผลักดันความร่วมมือภายใต้เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเชื่อมไทยกับเมียนมาร์ สปป.ลาว และมาเลเซียไปแล้ว
"ได้เชิญรัฐมนตรีพาณิชย์ของกัมพูชามาพูดคุยเพื่อเพิ่มความร่วมมือในการผลักดันการค้าระหว่างกันให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเบื้องต้นได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มให้ได้ปีละ 20-25% หรือทำให้ได้ประมาณ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2558 รวมทั้งการเพิ่มความร่วมมือในการรับรองการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปลายปีนี้"