- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Monday, 16 March 2015 22:54
- Hits: 1593
พาณิชย์ เตรียมเสนอครม.ควบรวม AFET-TFEX คาดเริ่มมีผลบังคับใช้ต.ค.58
นายประยุทธ ศิริสวัสดิ์พิพัฒน์ รองเลขธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า(ก.ส.ล.) กล่าวว่า การควบรวมตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) กับตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(TFEX) ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำเสนอ พ.ร.บ.การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า(ฉบับที่...) พ.ศ. .... ต่อคณะรัฐมนตรีให้อนุมัติในหลักการ โดยคาดว่าจะเสนอได้ใน 1-2 สัปดาห์นี้ จากนั้นจะส่งไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตรวจทานถ้อยคำในข้อกฎหมาย ก่อนจะเสนอกลับมายังครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติ และนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ทั้งนี้คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ และให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เข้ามากำกับดูแลได้ในช่วงเดือนต.ค.58
ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของคณะรัฐมนตรีที่ต้องการเปิดกว้างให้มีการซื้อขายง่ายขึ้น พร้อมทั้งแก้ไขโครงสร้างองค์กรใหม่ให้สอดคล้องกับการดำเนินงาน โดยมีเงื่อนไขว่าให้คงรายการสินค้าที่เทรดอยู่ในตลาด AFET เดิมไว้ทั้งหมด และให้รับพนักงานของ AFET เข้าทำงาน
นอกจากนี้ มองว่าหากการรวมศูนย์การซื้อขายเสร็จสิ้นแล้ว จะเกิดผลดีต่อการพัฒนาสินค้าเกษตรล่วงหน้า ด้วยผู้ลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศจะสามารถเข้ามาซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าได้อย่างสะดวก โดยใช้ระบบและช่องทางเดียวกับการซื้อขายอนุพันธ์ใน TFEX และวางหลักประกันไว้เพียงแห่งเดียว ทำให้การบริหารต้นทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งในอนาคตยังสามารถพัฒนาสินค้าเกษตรล่วงหน้าให้มีการดำเนินการและเชื่อมโยงสู่ระดับสากลได้ง่ายยิ่งขึ้น
ด้านนายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้วางแผนการดำเนินการเพื่อรองรับการรวมตลาดดังกล่าว โดย 1.ด้านสินค้าและตลาด ก.ล.ต.ได้ยกร่างประกาศกำหนดให้ "สินค้าเกษตรล่วงหน้า" เป็นสินค้าเพิ่มเติมภายใต้ พ.ร.บ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้า และได้นำส่งให้กระทรวงการคลังเพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ ก.ล.ต.ออกประกาศดังกล่าวต่อไป ซึ่งจะทำให้สินค้าเกษตรล่วงหน้ามาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของก.ล.ต.และ TFEX สามารถเปิดให้มีการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าได้อย่างต่อเนื่องก่อนที่ AFET จะยุติการดำเนินการ
2.ด้านผู้ประกอบธุรกิจ ก.ล.ตได้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์ในเรื่องคุณสมบัติบางประการในการให้ใบอนุญาตใหม่ประเภทสินค้าเกษตรล่วงหน้า เช่น ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ซึ่งต้องใช้ทุนจดทะเบียน 50-100 ล้านบาท เพื่อให้ AFET broker ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักมีระยะเวลาในการปรับตัว อีกทั้ง ก.ล.ต.จะยกเลิกค่าธรรมเนียมคำขอรับใบอนุญาตและค่าใบอนุญาตสินค้าเกษตรล่วงหน้า สำหรับค่าธรรมเนียมรายปีจะยกเว้นจนถึงปี 59 เพื่อเป็นการลดภาระและผลกระทบจากนโยบายรวมตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของภาครัฐที่จะมีต่อ AFET broker
3.ด้านบุคลากรของก.ส.ล. ทางก.ล.ต.ได้เปิดรับสมัครบุคลากรเข้าปฏิบัติงานในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของ ก.ส.ล.บรรจุตัวบุคคลในตำแหน่งที่เหมาะสม
4.ด้านผู้ลงทุน ผู้ลงทุนยังสามารถซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าใน AFET ต่อไปได้จนกว่า AFET จะยุติการดำเนินการ ขณะเดียวกัน TFEX จะออกสินค้าเกษตรล่วงหน้าในลักษณะใกล้เคียงเพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุน ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกเปิดสถานะใน AFET และไปเปิดสถานะใหม่ใน TFEX ได้
ด้าน น.ส.รินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ TFEX กล่าวว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการปรับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าให้เข้ากับตลาด TFEX ซึ่งมีการดำเนินการไปแล้ว 50% โดยเริ่มต้นนำสินค้าที่มีการ Active ได้แก่ ยางพารา และข้าว
นายชัยพัฒน์ สหัสกุล ประธานกรรมการ AFET กล่าวว่า ปริมาณการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าที่ผ่านมา มีการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 130 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปี 57 ที่มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 200 ล้านบาท เป็นผลจากความกังวลเกี่ยวกับการควบรวมทั้ง 2 ตลาดข้างต้นว่าจะมีทิศทางออกมาอย่างไร
อินโฟเควสท์