WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ไทยจับคู่ธุรกิจอินเดีย 137 คู่ ขยายการค้าลงทุนสู่ภูมิภาคเอเชียใต้เพิ่มส่งออกปี 58

   นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(สค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการเดินทางไปส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 25 – 27 กุมภาพันธ์ 2558 ณ เมืองมุมไบ-กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยมีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์เป็นหัวหน้าคณะพร้อมผู้แทนภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐว่า ได้เข้าหารือกับรมว.พาณิชย์และอุตสาหกรรมของอินเดีย เพื่อรับทราบนโยบาย แลกเปลี่ยนข้อมูลและรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะในการทำการค้าระหว่างไทยและอินเดีย จากนั้นได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของสภาอุตสาหกรรมอินเดีย(CII) มีสมาชิกกว่า 7,300 หน่วยงาน

     “ในภาคเอกชนได้มีการจับคู่ธุรกิจการค้า ซึ่งในครั้งนี้มี 2 คู่ คือ ระหว่างสมาชิก Thaitrade.com และ Tradeindia.com  รวม137 คู่ คาดว่าจะมีมูลการซื้อขายราว 22.5 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสินค้าในกลุ่มข้าว เทียนฝีมือ กาแฟ ผง ผสม ครีมเทียม บอลลูน กล่องเครื่องประดับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ประกอบการค้าและสมาคมวิชาชีพเกี่ยวกับธุรกิจก่อสร้างไทย กับผู้นำเข้าอินเดียในสาขาวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง ยางพารา อาหาร เป็นต้น

   สำหรับ กิจกรรมทางการตลาดในปี 58 นอกจากจะเข้าพบผู้นำเข้าผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ การจัดงานไทยส่งเสริมการขายแล้ว  ยังมีการจัดงานแสดงสินค้าไทยแลนด์วีค รวมถึงการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าไทยในอินเดีย คาดว่าจะทำให้การค้าขยายตัวมากขึ้น ทั้งนี้ไทยได้วางยุทธศาสตร์การขยายการค้าการลงทุนด้วยการ สร้างเสริมและพัฒนาการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจการค้าไทย - อินเดีย, การเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง และระดับสูง จำนวน 350 ล้านคนที่มีกำลังซื้อ โดยเน้นสินค้าไทยระดับคุณภาพปานกลาง – ดี และกลุ่มสินค้าที่มี Brand Awareness สูงกระจายตลาดทั้งเชิงลึกและเชิงกว้างจากส่วนกลางออกสู่ภูมิภาคต่างๆของอินเดีย และบุกตลาดเมืองรองที่มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูง เช่น กูวาฮาติ (รัฐอัสสัม)/ จันดิการ์ (รัฐปัญจาบ)/ วิสาขาปัตนัม (รัฐอันตรประเทศ)/อาห์เมดาบัด (รัฐคุชราต)/ ปูเน่ (รัฐมหาราชตะ)/ โคอิมปาตอง (รัฐทมิฬนาดู)

    นอกจากนี้ จะเร่งสร้างพันธมิตรสามฝ่าย (ไทย - เมียนมาร์- อินเดีย) พัฒนาการค้าการลงทุนแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียที่เชื่อมโยงกับเมียนมาร์และไทย ,การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจการค้าจากความตกลง FTAs การพัฒนาปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและเครือข่าย (Connectivity) ด้านการคมนาคมและการขนส่งในภูมิภาคอาเซียนบวกหก (จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) และอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS)

   ปัจจุบันนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลอินเดียออกนโยบาย เพื่อมุ่งพัฒนาประเทศให้เติบโตในทุกมิติ โดยเฉพาะนโยบายสำคัญ 3 อย่าง คือ Make in India, Smart Cities และ Clean India เน้นดึงดูดการลงทุนทั้งจากในและต่างประเทศ เพื่อให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตของโลก, ส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลักดันความร่วมมือในภูมิภาคและสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค ตามนโยบาย Look East Policy พร้อมประกาศแนวคิดเชิงรุก Act East ที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก, ส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในประเทศ ให้สิทธิพิเศษและคุ้มครองผลประโยชน์สำหรับผู้ลงทุนในเขต Export Oriented Unit: EOU และ Special Economic Zone: SEZ

   นางนันทวัลย์  กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจ  อินเดียมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 9 ของโลก และเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย รองจากจีน ญี่ปุ่น มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 7 ต่อปี คาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 3 ของโลก มี GDP 60% มาจากภาคบริการ สาขาที่มีการขยายตัวและดึงดูดการลงทุนมากที่สุด คือ สารสนเทศและโทรคมนาคม การเงินและการธนาคาร การศึกษาวิจัย และการก่อสร้าง

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

ไทยจับคู่ธุรกิจอินเดีย ขยายการค้าลงทุนสู่ภูมิภาคเอเชียใต้เพิ่มส่งออกปี 58

  นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การเดินทางไปส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 25-27 ก.พ.ที่ผ่านมา ณ เมืองมุมไบ-กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย โดยมี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะ พร้อมผู้แทนภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ ได้มีการหารือกับ รมว.พาณิชย์และอุตสาหกรรมของอินเดีย  เพื่อรับทราบนโยบาย แลกเปลี่ยนข้อมูลและรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะในการทำการค้าระหว่างไทยและอินเดีย จากนั้นได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของสภาอุตสาหกรรมอินเดีย(CII) มีสมาชิกกว่า 7,300 หน่วยงาน

  "ภาคเอกชนได้มีการจับคู่ธุรกิจการค้า ซึ่งในครั้งนี้มี 2 คู่ คือ ระหว่างสมาชิก Thaitrade.com และ Tradeindia.com รวม137 คู่ คาดว่าจะมีมูลการซื้อขายราว 22.5 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสินค้าในกลุ่มข้าว เทียนฝีมือ กาแฟ ผง ผสม ครีมเทียม บอลลูน กล่องเครื่องประดับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ประกอบการค้าและสมาคมวิชาชีพเกี่ยวกับธุรกิจก่อสร้างไทย กับผู้นำเข้าอินเดียในสาขาวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง ยางพารา อาหาร เป็นต้น"นางนันทวัลย์ กล่าว

  สำหรับ กิจกรรมทางการตลาดในปี 58 นอกจากจะเข้าพบผู้นำเข้าผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ การจัดงานไทยส่งเสริมการขายแล้ว ยังมีการจัดงานแสดงสินค้าไทยแลนด์วีค รวมถึงการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าไทยในอินเดีย คาดว่าจะทำให้การค้าขยายตัวมากขึ้น ทั้งนี้ไทยได้วางยุทธศาสตร์การขยายการค้าการลงทุนด้วยการ สร้างเสริมและพัฒนาการเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจการค้าไทย-อินเดีย การเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางและระดับสูงจำนวน 350 ล้านคนที่มีกำลังซื้อ โดยเน้นสินค้าไทยระดับคุณภาพปานกลาง-ดี และกลุ่มสินค้าที่มี Brand Awareness สูง, กระจายตลาดทั้งเชิงลึกและเชิงกว้างจากส่วนกลางออกสู่ภูมิภาคต่างๆของอินเดีย และบุกตลาดเมืองรองที่มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูง เช่น กูวาฮาติ (รัฐอัสสัม)/ จันดิการ์ (รัฐปัญจาบ)/ วิสาขาปัตนัม (รัฐอันตรประเทศ)/อาห์เมดาบัด (รัฐคุชราต)/ ปูเน่ (รัฐมหาราชตะ)/ โคอิมปาตอง (รัฐทมิฬนาดู)

  นอกจากนี้ จะเร่งสร้างพันธมิตรสามฝ่าย(ไทย-เมียนมาร์-อินเดีย) พัฒนาการค้าการลงทุนแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียที่เชื่อมโยงกับเมียนมาร์และไทย, การส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจการค้าจากความตกลง FTAs การพัฒนาปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจและเครือข่าย(Connectivity) ด้านการคมนาคมและการขนส่งในภูมิภาคอาเซียนบวกหก(จีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) และอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง(GMS)

   ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียออกนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อมุ่งพัฒนาประเทศให้เติบโตในทุกมิติ โดยเฉพาะนโยบายสำคัญ 3 อย่าง คือ Make in India, Smart Cities และ Clean India เน้นดึงดูดการลงทุนทั้งจากในและต่างประเทศ เพื่อให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตของโลก, ส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลักดันความร่วมมือในภูมิภาคและสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค ตามนโยบาย Look East Policy พร้อมประกาศแนวคิดเชิงรุก Act East ที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก, ส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในประเทศ ให้สิทธิพิเศษและคุ้มครองผลประโยชน์สำหรับผู้ลงทุนในเขต Export Oriented Unit: EOU และ Special Economic Zone: SEZ

   นางนันทวัลย์ กล่าวว่า อินเดียมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 9 ของโลก และเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย รองจากจีน ญี่ปุ่น มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 7 ต่อปี คาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 3 ของโลก มี GDP 60% มาจากภาคบริการ สาขาที่มีการขยายตัวและดึงดูดการลงทุนมากที่สุด คือ สารสนเทศและโทรคมนาคม การเงินและการธนาคาร การศึกษาวิจัย และการก่อสร้าง

  อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!