- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 26 February 2015 22:11
- Hits: 1913
พาณิชย์ ปลื้มผลงาน โปรเจกท์ธงฟ้าเคลื่อนที่ ลดค่าครองชีพชาวบ้าน
แนวหน้า : นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานประชุมติดตามผลการดำเนินงานกระทรวงพาณิชย์ เพื่อผลักดันงานตามแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวง ว่า สำหรับ ยุทธศาสตร์ดูแลค่าครองชีพ ก็มีโครงการธงฟ้าเคลื่อนที่สู่ชุมชน หรือโมบายยูนิท ที่จำหน่ายสินค้าจำเป็นต่อค่าครองชีพ เช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และเริ่มโครงการตั้งแต่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 ไปยังจุดต่างๆทั่วกรุงเทพฯ วันละ 50 จุด โดยจากการติดตามผลหลังจากดำเนินโครงการมา 1 สัปดาห์ หรือระหว่างวันที่ 16-22 กุมภาพันธ์ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ได้รับการตอบรับที่ดี มียอดจำหน่ายรวมประมาณ 35 ล้านบาท สามารถลดค่าครองชีพประชาชนได้ประมาณ 15 ล้านบาท ขณะที่การกำกับดูแลราคาสินค้าก็ดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง
ด้านการบริหารจัดการสินค้าเกษตรสำคัญ ในส่วนของข้าว ความคืบหน้าโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกข้าวเปลือก ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 192 ราย วงเงินกู้ 43,518 ล้านบาท โดยรับซื้อข้าวเปลือกแล้ว 6 จังหวัด ปริมาณ 146,708.65 ตัน มูลค่า 1,396 ล้านบาท และยังได้เร่งรัดให้โรงสีแจ้งยื่นความจำนงเพิ่มเติม และเร่งรัดให้รับซื้อข้าวเปลือก
ขณะที่มันสำปะหลัง ได้มีมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกในระบบหยดน้ำ และในส่วนของหอมหัวใหญ่ จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เมื่อ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้กรมศุลกากร/กร.รมน. ตรวจสอบการนำเข้าและลักลอบนำเข้าตามแนวชายแดน และได้มอบคณะอนุกรรมการผลิตการตลาดกระเทียม/หอมแดง/หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์และทบทวน เรื่องมาตรการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ และพิจารณาหอมหัวใหญ่สดที่นำเข้ามาแล้ว โดยชะลอการระบายในช่วงผลผลิตภายในประเทศออกสู่ตลาด
“กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งจัดทำยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรในเชิงรุก โดยเฉพาะข้าว ที่ขณะนี้ประสบปัญหาภัยแล้งส่งผลให้คาดว่าในปีนี้ผลิตข้าวเปลือกจะลดลงเหลือเพียงประมาณ 7 ล้านตัน และอยู่ระหว่างการจัดทำปฏิทินติดตามสินค้าเกษตร โดยติดตามว่ามีสินค้าค้าเกษตรชนิดใด จะมีผลผลิตออกสู่ตลาด เพื่อเตรียมออกมาตรการเชิงรุกในการรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้นรวมถึงเพื่อยกระดับราคาสินค้าเกษตรทั้งข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง รวมถึงผลไม้ต่างๆ”
ส่วนด้านการส่งออก ถือว่าเป็นงานที่ท้าทาย โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้มีแผน และมาตรการดูแล โดยเฉพาะการเข้าไปจัดงานแสดงสินค้าไทยในตลาดใหม่ที่มีโอกาสเติบโตได้ดี เช่น การจัดงานแสดงสินค้าที่ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงมีแผนเชิงรุกในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม)อย่างเข้มข้น ทั้ง การจัดงานมหกรรมแสดงสินค้าที่มุกดาหาร ในวันที่ 5-9 มีนาคมนี้ เพื่อขยายตลาดไปยัง สปป.ลาว รวมถึงการข้ามไปจัดกิจกรรมเมืองคู่แฝด มุกดาหาร-สะหวันนะเขต, การจัดงานมหกรรมแสดงสินค้าที่สระแก้ว ระหว่างวันที่ 26-30 มีนาคมเป็นต้น