- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 22 February 2015 17:43
- Hits: 2179
พาณิชย์ เปิดหน่วยร้องเรียนราคาสินค้าเคลื่อนที่ ป้องกันฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค
แนวหน้า : นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาสินค้าขณะนี้ยังคงทรงตัว ยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดขอปรับขึ้นราคาสินค้า แต่ก็มีการแจ้งการออกสินค้าใหม่และสินค้าขนาดใหม่เข้ามา ซึ่งส่วนนี้ต้องมีการพิจารณาราคาจำหน่ายที่เหมาะสม
ในขณะเดียวกัน เรื่องการดูแลค่าครองชีพประชาชนทาง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้ผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ประกอบกับเป็นช่วงที่มีเทศกาลต่างๆ จึงเป็นโอกาสดีในการเข้าไปตรวจสอบเข้ม เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสของผู้ประกอบการบางราย
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน โดยจากการสอบถามต่างพึงพอใจที่มีการตรวจราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้พ่อค้า แม่ค้าบางกลุ่ม ไม่กล้าฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่เอาเปรียบผู้บริโภค อีกทั้งในสัปดาห์นี้เป็นต้นไป ในการลงพื้นที่ตรวจสอบ กรมการค้าภายในจะเปิดหน่วยร้องเรียนเคลื่อนที่ 1569 เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนขณะที่ลงพื้นที่ด้วย ซึ่งหากพบการฉวยโอกาสหรือมีร้านค้าที่ไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย ก็จะดำเนินการทันที
“การลงพื้นที่ตรวจราคาสินค้า กรมการค้าภายในได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สุ่มตรวจอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ที่มีการตรวจเข้มในช่วงนี้ เพราะตรงกับช่วงเทศกาล และเพื่อเป็นการป้องกันการฉวยโอกาส ทาง รมว.พาณิชย์ จึงได้มอบหมายให้ผู้บริหารลงพื้นที่ดูแลอย่างใกล้ชิด และจากการลงพื้นที่ในแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือว่าช่วยลดปัญหาเรื่องการจำหน่ายสินค้าที่ไม่เป็นธรรมลงได้ช่วยลดการฉวยโอกาส ทำให้สินค้าเป็นไปตามกลไกตลาด และถือว่าเป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภค”นายบุณยฤทธิ์ กล่าว
สำหรับ โครงการรถธงฟ้าเคลื่อนที่ หรือ โมบาย ยูนิท ที่ได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการกระจายรถจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพไปจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาประหยัดต่ำกว่าท้องตลาด 20-40% ไปตามพื้นที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชนและเพิ่มกำลังซื้อ กระตุ้นการหมุนเวียนเศรษฐกิจนั้น ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนในแต่ละพื้นที่
โดยจากรายงานผลของโครงการเบื้องต้นใน 2 วันแรกของการจำหน่ายนั้น ปรากฏว่ามียอดจำหน่ายแล้วกว่า 5.2 ล้านบาทช่วยลดค่าครองชีพประชาชนได้ประมาณ 30% หรือประมาณ 2.5 ล้านบาท สินค้าที่นำมาจำหน่ายจะส่งตรงจากผู้ผลิตมาจำหน่ายในราคาพิเศษ เช่น ไข่ไก่ (เบอร์ 2 แผงละ 30 ฟอง) ราคาพิเศษ 65 บาทจากราคาตลาด 90 บาท/แผง, น้ำตาลทราย พิเศษกิโลกรัม (กก.) ละ 18 บาท จากราคาปกติ 23.50 บาท, น้ำมันพืชปาล์ม ขวด 1 ลิตรราคา 34 บาท จากราคาปกติ 42 บาท/ขวด เป็นต้น อย่างไรก็ตามการจัดโครงการดังกล่าวจะมีการยืดระยะเวลาหรือขยายพื้นที่ออกไปหรือไม่นั้น จะต้องมีการพิจารณาถึงความเหมาะสม และการดำเนินโครงการจะต้องไม่กระทบต่อกลไกตลาดด้วย