- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 11 February 2015 18:15
- Hits: 2028
ผลไม้แพงรับวันตรุษจีนพณ.ส่งเจ้าหน้าที่เช็คตลาดทั่วประเทศหมู-ไก่ทรงตัว
บ้านเมือง : พาณิชย์ ยืดอกรับราคาผลไม้แพงรับวันตรุษจีน ทั้งหมู ไก่ ยังคงทรงตัว ยกเว้นผลไม้ที่ปรับขึ้นบ้าง เตรียมลงพื้นที่ตลาดเยาวราช พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจทั่วประเทศ ป้องกันสินค้าขาดแคลนและฉวยโอกาส ด้านหอการค้าชี้ปีนี้วาเลนไทน์ไม่คึกคัก
นายสุชาติ สินรัตน์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการตรวจสอบภาวะราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ตลาดถนอมมิตร เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า ราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลตรุษจีนปีนี้ส่วนใหญ่มีราคาทรงตัว โดยราคาเนื้อหมู กิโลกรัม (กก.) ละ 130 บาท เนื้อไก่ กก.ละ 80 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากผลผลิตมีมากขึ้น แต่ผลไม้พบว่ามีราคาสูงขึ้นบ้างตามกลไกตลาด เช่น ส้ม โดยระดับราคามีหลายระดับตามคุณภาพ ตั้งแต่ 3 กก. 100 บาท ไปจนถึง กก.ละ 100 บาท เป็นต้น ส่วนราคาอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) ที่จำหน่ายในตลาดแห่งนี้ พบว่า ข้าวราดแกงจานละ 30-35 บาท อาหารตามสั่งจานละ 35-40 บาท
อย่างไรก็ตาม ผลจากการที่กรมฯ ได้ออกประกาศราคาแนะนำจำหน่ายก๊าซหุงต้ม ขนาดถัง 15 กก. ที่ถังละ 395 บาท รวมค่าขนส่งไม่เกิน 5 กิโลเมตร ทำให้ต้นทุนในการปรุงอาหารลดลง ประกอบกับวัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ปรุงอาหารไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น จึงไม่มีแรงกดดันให้ผู้ประกอบการต้องปรับราคาอาหารเพิ่มขึ้น
นายสุชาติ กล่าวว่า กรมฯ จะลงพื้นที่ออกตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอาหาร และสินค้ารับเทศกาลตรุษจีนที่ตลาดเยาวราช และยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ค้าภายในที่ประจำอยู่ในจังหวัดต่างๆ ออกตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลให้มีการจำหน่ายสินค้าในราคาที่เหมาะสม ป้องกันไม่ให้สินค้าขาดแคลน และมีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา
ทั้งนี้ กรมฯ ยังได้กำชับให้มีการตรวจสอบเครื่องชั่งในทุกๆ ตลาด เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสกับผู้บริโภค โดยในส่วนของตลาดถนอมมิตร ได้ตรวจพบเครื่องชั่งชำรุด 6 เครื่องจากที่ตรวจสอบทั้งหมด 80 เครื่อง ซึ่งได้ทำการตรวจยึดและแจ้งให้เจ้าของตลาดรับทราบ และได้ทำการตักเตือนพ่อค้าแม่ค้าไม่ให้นำเครื่องชั่งที่ชำรุดหรือมีปัญหามาใช้งานอีก เพราะหากตรวจสอบพบ จะดำเนินการตามกฎหมายทันที
ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจทัศนคติ พฤติกรรม และการใช้จ่าย ช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ ว่า เทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ประเมินว่าจะมีเม็ดเงินการใช้จ่ายสะพัดเพียง 3,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.52 % แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนและเป็นการใช้จ่ายที่ต่ำสุดในรอบ 9 ปี
"วันวาเลนไทน์ปีนี้ตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่การจับจ่ายใช้สอยไม่สูงมาก แสดงให้เห็นว่าคนยังไม่มั่นใจในการซื้อสินค้า การบริโภค และยังเห็นว่าสินค้ามีราคาแพง ทำให้บรรยากาศวันวาเลนไทน์ปีนี้จึงไม่ค่อยคึกคักมากนัก" นายธนวรรธน์ กล่าว
สาเหตุที่ส่วนใหญ่เห็นว่าบรรยากาศปีนี้ไม่เปลี่ยนแปลง 52% ตอบว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น รองลงมา 41.6% เห็นว่าราคาสินค้าแพงขึ้น ส่วนอีก 5.4% กังวลเรื่องความปลอดภัย
สำหรับ กิจกรรมและการซื้อของในช่วงวันวาเลนไทน์ มากสุด 30.8% ซื้อดอกไม้ให้คู่รัก รองลงมา 30% ออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และอีก 19.7% ซื้อช็อกโกแลต โดยคิดเป็นวงเงินที่ใช้เฉลี่ยต่อคนประมาณ 1,901 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่เฉลี่ยต่อคนประมาณ 1,813 บาท ขณะที่ปริมาณการซื้อสินค้าส่วนใหญ่ 55.1% ระบุว่ายังเท่าเดิม 20.7% ซื้อลดน้อยลง ส่วนที่ซื้อเพิ่มขึ้นมาก 11.4%
ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าจะก่อให้เกิดความร่วมมือการขยายตัวด้านการลงทุนภายใต้กรอบความร่วมมือเจเทปา เนื่องจากญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะกลับมาใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งจะขยายกรอบความร่วมมือด้านคมนาคม เชื่อมโยงไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นผลดีในการสร้างความเชื่อมั่นทั้งผู้บริโภคและนักลงทุน ทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาคึกคักและเป็นที่สนใจในการลงทุน ส่งผลเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสขยายตัว 4-5%