WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

คู่แข่งแห่ดัมพ์ราคาข้าวชิงตลาด เอกชนคาดปี58 ขายต่ำเป้า

     แนวหน้า : คู่แข่งแห่ดัมพ์ราคาข้าวชิงตลาด เอกชนคาดปี58 ขายต่ำเป้า ภัยแล้งทำผลผลิตไทยลดลง

    ร้อยตำรวจโท เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ในปี 2558 สมาคม คาดว่าจะส่งออกข้าวได้ที่ 10 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,950 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 161,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่าปีก่อน และต่ำกว่าที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ที่ 10-11 ล้านตัน และต่ำกว่าที่กระทรวงเกษตรสหรัฐ(USDA) คาดว่าไทยจะส่งออกได้ 11.3 ล้านตัน เนื่องจากไทยยังมีปัจจัลบหลายอย่าง

    ทั้งนี้ประเทศคู่แข่งอย่าง เวียดนาม กัมพูชา เริ่มหาช่องทางขายข้าว ปรับลดราคาข้าวลงต่ำเพื่อเข้ามาแข่งกับไทย และเข้ามาแย่งตลาดของไทยมากขึ้น ราคาข้าวไทยจึงเริ่มขยับตัวขึ้นมาสูงกว่าประเทศคู่แข่ง ทำให้ข้าวไทยขายยากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม

      เชื่อว่าไทยจะยังเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก ซึ่งปีนี้อินเดียน่าจะส่งออกข้าวได้ลดลง เพราะผลผลิตน้อย และมีปริมาณข้าวในสต๊อกลดลง แต่ทั้งนี้ก็ต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ลดลงด้วย เพราะอาจส่งผลต่อกำลังซื้อในประเทศผู้นำเข้าหลักๆ ในแถบแอฟริกา และตะวันออกกลาง

    เมื่อประเทศคู่แข่งเห็นว่าไทยกลับเข้าสู่สนามแข่งขันจึงพากันปรับลดราคาข้าวลง โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม ซึ่งต้องยอมรับว่าข้าวคู่แข่งมีราคาต่ำกว่าข้าวไทยพอสมควร อีกทั้งสถานการณ์เงินบาทแข็งค่า ทำให้ข้าวไทยแพงกว่าคู่แข่ง โดยราคา FOB ข้าวขาว 5% ของไทยในตลาดโลกปัจจุบันอยู่ที่ 405-410 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ข้าวขาวเวียดนามอยู่ที่ 355 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งราคาแตกต่างกันถึง 40-50 เหรียญสหรัฐต่อตัน ทำให้คู่ค้าหันไปซื้อข้าวจากเวียดนามมากขึ้น ในขณะที่เมื่อเทียบกับปีก่อนราคาข้าวไทยถูกที่สุด ถูกกว่าเวียดนาม 20-30 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนด้านปากีสถานและอินเดียปัจจุบัน ราคาอยู่ที่ประมาณ 370 เหรียญสหรัฐต่อตัน และคาดว่าราคาข้าวในปีนี้แนวโน้มราคาข้าวโอกาสที่จะปรับขึ้นสูงนั้นยาก และ อาจจะมีโอกาสปรับลงได้

     นอกจากนี้ ผลผลิตข้าวไทยในปีนี้ มองว่าจากปัญหาภัยแล้งและปัจจัยอื่นๆ น่าจะทำให้ผลผลิตข้าวนาปรังของไทยลดลงประมาณ 30% หรือจะเหลือเพียง 6-7 ล้านตัน จากปกติ 8-10 ล้านตัน เนื่องจากชาวนาไม่มีแรงจูงใจในการทำนา ทั้งเรื่องของราคาขายต่ำ ต้นทุนสูง เพราะเป็นช่วงหน้าแล้ง ซึ่งการที่ผลผลิตข้าวหายไปมีทั้งผลดีที่จะทำให้การแข่งขันของไทยได้เปรียบในตลาดโลก เพราะไทยยังมีข้าวในสต๊อกของรัฐอยู่ และเป็นช่วงที่รัฐบาลมีโอกาสที่ดีในการระบายข้าว แต่ก็จะส่งผลเสียต่อรายได้เกษตรกรในประเทศด้วย ส่วนนาปีก็ต้องรอดูสถานการณ์ของฝน แหล่งน้ำว่าจะมีเพียงพอหรือไม่

    นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การส่งออกข้าวไทยที่จะลดลงไปประมาณ 1 ล้านตัน จะมาจากการส่งออก ข้าวขาว และข้าวนึ่งลดลง เนื่องจาก ผู้ซื้อจะไปเลือกซื้อข้าวในราคาถูกกว่าไทยจากราคาน้ำมัน และค่าเงินที่ลดลง ส่วนการตั้งเป้าระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์เดือนละ 1 ล้านตัน อาจจะเป็นไปได้ยาก เพราะตลาดไม่ได้มีความต้องการข้าวมากขนาดนั้น และหากระบายมากจะกระทบต่อราคาข้าวในประเทศได้ จึงคาดว่าน่าจะระบายข้าวในสต๊อกปีนี้ได้เพียง 3 ล้านตันเท่านั้น โดยจะเป็นการใช้บริโภคในประเทศ 50% และเพื่อการส่งออก 50% ซึ่งตลาดแอฟริกาจะนิยมข้าวเก่า ทั้งนี้เบื้องต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวไปได้แล้วประมาณ 7-7.5 แสนตัน

ไทยยังครองแชมป์ส่งออกข้าว

   บ้านเมือง : นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ปี 2557 ไทยส่งออกข้าวสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ปริมาณ 10,969,360 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2556 ประมาณ 65.9% ส่วนมูลค่าการส่งออกปี 2557 อยู่ที่ 174,855 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.6% ส่วนปีนี้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยคาดว่าจะส่งออกข้าวได้ปริมาณ 10 ล้านตัน แม้จะลดลงจากปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าจะยังเป็นแชมป์ส่งออกข้าวต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ขณะที่กระทรวงเกษตรของสหรัฐ หรือ USDA คาดว่าปีนี้ไทยจะส่งออกข้าวมากที่สุดของโลกถึง 11.3 ล้านตัน ตามด้วยอินเดีย ปริมาณ 8.7 ล้านตัน และเวียดนาม 6.7 ล้านตัน ปากีสถาน 3.9 ล้านตัน และสหรัฐ 3.4 ล้านตัน สาเหตุมาจาก USDA คาดว่าไทยยังมีข้าวในสต๊อกมากกว่า 17 ล้านตัน จึงน่าจะเร่งระบายออกมามาก แต่สมาคมฯ มองว่าการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลปีนี้น่าจะทำได้ดีที่สุดเพียง 3 ล้านตัน ต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ว่าจะระบายข้าวให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 1 ล้านตัน ซึ่งเป็นไปได้ยาก เพราะตลาดไม่มีความต้องการข้าวมากขนาดนั้น และหากระบายมากจะกระทบต่อราคาข้าวในประเทศ รวมทั้งปริมาณสต๊อกและผลผลิตข้าวของประเทศผู้ส่งออกสำคัญ เช่น เวียดนาม และอินเดีย ยังมีปริมาณมาก และมีการส่งออกต่อเนื่อง

  ทั้งนี้ ข้าวไทยยังเผชิญปัจจัยลบอีกหลายด้าน เนื่องจากหลายประเทศเห็นว่าไทยเริ่มกลับมาทำตลาดข้าวจึงพากันปรับลดราคาข้าวลง ทำให้เกิดการแข่งขันสูง ประกอบกับสถานการณ์เงินบาทแข็งค่า ทำให้ข้าวไทยแพงกว่าคู่แข่ง อีกทั้งภาวะภัยแล้งในไทยคาดว่าจะฉุดผลผลิตข้าวนาปรังลดลง 30% เหลือเพียง 6-7 ล้านตัน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ลดลงยังส่งผลให้กำลังซื้อของหลายประเทศที่นำเข้าข้าวไทยลดลงตามไปด้วย จึงคาดว่าราคาข้าวปีนี้ยังอยู่ในทิศทางขาลง

   สำหรับ การค้าข้าวของโลกปี 2558 คาดว่าจะมีปริมาณ 42.6 ล้านตัน เท่ากับปี 2557 ส่วนประเทศผู้นำเข้าข้าว คาดว่าปี 2558 ประเทศจีนจะยังคงนำเข้าข้าวมากเป็นอันดับ 1 ปริมาณ 4.3 ล้านตัน ตามมาด้วยประเทศไนจีเรีย ปริมาณ 3.5 ล้านตัน ฟิลิปปินส์ปริมาณ 1.7 ล้านตัน อิหร่านปริมาณ 1.7 ล้านตัน และอิรักปริมาณ 1.5 ล้านตัน เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม รู้สึกแปลกใจที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาระบุว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากช่วงปลายปีเฉลี่ยอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะนี้อยู่ที่ 32.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐเป็นระดับอัตราที่เหมาะสมไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงค่าเงินแต่อย่างใด ถือว่า ธปท.คิดผิด และอยากให้เข้ามาอยู่ในภาคธุรกิจบ้าง ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเฉลี่ย 80 สตางค์ หากคิดคำนวณข้าว 1 ตัน ขาดทุนจากค่าเงินถึงตันละ 25 ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น หน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลจะต้องบริหารและจัดการใหม่ ยิ่งคำแนะนำให้บริหารความเสี่ยงค่าเงินด้วยการประกันสินค้า ที่ผ่านมาทำอยู่แล้ว

ชี้ข้าวไทยหืดจับคู่แข่งดัมพ์ราคา ลุ้นขาย 10 ล้านตันรั้งแชมป์ปีที่ 2

    ไทยโพสต์ : งามดูพลี * พ่อค้าข้าวคาดรัฐเร่งโละสต็อก แต่เชื่อระบายได้แค่ 3 ล้านตันเท่านั้น เหตุตลาดต้องการลดลง ชี้ด้านราคาสู้กันเดือด คู่แข่งจ้องดัมพ์ ลุ้นส่งออกปีนี้ 10 ล้านตัน รั้งแชมป์ปีที่ 2

    ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงพาณิชย์มีแผนระบายข้าวในสต็อก รัฐบาล โดยจะมีการขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และแบบทั่วไป ให้กับผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งการขายข้าวเปลือกในกรณีที่มีผู้มีคำสั่งซื้อข้าวนึ่งจากต่างประเทศ และตั้งเป้าจะระบายข้าวในครึ่งปีหลังเดือนละ 1 ล้านตันนั้น หรือสิ้นปีนี้น่าจะระบายข้าวได้ทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 5-6 ล้านตัน คิดเป็นวงเงินประมาณ 72,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีการระบายข้าวในสต็อกไปแล้วกว่า 4 ล้านตัน จากสต็อกทั้งหมดที่มีอยู่ 17 ล้านตัน

    โดยสมาคมเชื่อว่าการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลสิ้นปีนี้น่าจะทำได้ดีที่สุดเพียง 3 ล้านตัน โดย 1.5 ล้านตัน จะส่งไปขายแบบจีทูจี กับจีน 1 ล้านตัน ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย 500,000 ตัน ต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำ หนดไว้ว่าจะระบายข้าวให้ได้เฉลี่ย เดือนละ 1 ล้านตัน ซึ่งสมาคมมองว่ามีโอกาสเป็นไปได้น้อย เพราะตลาดไม่มีความต้องการข้าวมากขนาดนั้น และหากระบายมาก จะกระทบต่อราคาข้าวในประเทศ รวมทั้งปริมาณสต็อกและผลผลิตข้าวของประเทศผู้ส่งออกสำคัญ เช่น เวียดนาม และอินเดีย ยังมีปริมาณมาก และมีการส่งออกต่อเนื่อง

  นอกจากนี้ ข้าวไทยยังเผชิญปัจจัยลบอีกหลายด้าน เนื่องจากหลายประเทศเห็นว่าไทยเริ่มกลับมาทำตลาดข้าว จึงพากันปรับลดราคาข้าวลง ทำให้เกิดการแข่งขันสูง ประกอบกับสถานการณ์เงินบาทแข็งค่า ภาวะภัยแล้งในไทย คาดว่าจะฉุดผลผลิตข้าวนาปรังลดลง 30% และยังรวมไปถึงราคาน้ำมันที่ลดลง ยังส่งผลให้กำลังซื้อของหลายประเทศที่นำเข้าข้าวไทยลดลงตามไปด้วย

  สำหรับ ปี 2558 สมาคมคาดว่าการส่งออกข้าวไทยจะมีปริมาณ 10 ล้านตัน แม้จะลดลงจากปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าจะยังเป็นแชมป์ส่งออกข้าวต่อเนื่องเป็นปีที่ 2.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!