พณ.ปลื้ม 100 รายสูงสุดในประวัติการณ์ ตัดสิทธิสยามอินดิก้า-ตรวจเข้มกก.บริษัท

พณ.ปลื้มเอกชน 100 ราย แห่ยื่นซองซื้อข้าวรัฐถล่มทลายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมตัดสิทธิสยามอินดิก้า เหตุมีคดีความกับ ป.ป.ช. ตรวจเข้ม กก.บริษัทอื่น หากพบมีรายชื่อ 15 คนที่ถูกคดีความก็จะตัดสิทธิทันทีเช่นกัน โวปีนี้เป็นปีทองสต๊อกข้าวรัฐ

     นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการเปิดซองเสนอราคาซื้อข้าวสารขาว 5% และข้าวสารหอมมะลิในสต๊อกรัฐบาลแบบยกคลังปริมาณรวม 999,763.61 ตัน จากทั้งหมด 168 คลัง มูลค่ารวม 11,680 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมาว่า มีผู้สนใจยื่นซองเสนอซื้อรวม 100 ราย ทั้งโรงสีและผู้ส่งออก แต่ผ่านคุณสมบัติ 96 ราย สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แสดงให้เห็นว่าตลาดมีความต้องการข้าวอยู่มาก เพราะขณะนี้ผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่ยังไม่ออก โดยในจำนวนผู้ที่ผ่านคุณสมบัตินั้น มีการยื่นซองเสนอซื้อสูงสุดถึง 60 ซอง หรือเสนอซื้อใน 60 คลัง โดยคณะอนุกรรมการระบายข้าวจะใช้เวลาพิจารณาไม่เกิน 20 วัน จากนั้นก็จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาอนุมัติขายต่อไป คาดว่าการขายครั้งนี้น่าจะได้ราคาดีพอสมควร เพราะได้กำหนดในเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) ว่าหากเสนอราคาต่ำกว่าราคาขั้นต่ำที่ประกาศในทีโออาร์จะไม่มีการพิจารณา

      "บริษัท สยามอินดิก้า ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมยื่นซองด้วยแต่ถูกตัดสิทธิ เพราะถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกรณีขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งได้มีการหารือกับ ป.ป.ช.ไปแล้วว่าไม่มีสิทธิซื้อข้าวจากรัฐได้อีกจนกว่าคดีจะเสร็จสิ้น ส่วนบุคคลอีก 15 รายที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีเดียวกัน หากเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม หรือเป็นกรรมการคนสำคัญของบริษัทค้าข้าวก็จะถูกตัดสิทธิเช่นกัน" นางดวงพรกล่าว และว่า ซึ่งคณะอนุกรรมการระบายข้าวจะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าทั้ง 15 รายยังเป็นกรรมการคนสำคัญ หรือเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการค้าข้าวอื่นๆ หรือมีการถือหุ้นไขว้กันไปมาในบริษัทอื่นๆ อีกหรือไม่ หากตรวจพบบริษัทนั้นๆ ก็จะถูกตัดสิทธิเข้าร่วมการประมูลข้าวรัฐเช่นกัน ซึ่งจะรู้ผลภายใน 20 วัน ตามที่ทีโออาร์กำหนดไว้

      นางดวงพร กล่าวว่า ส่วนการประมูลข้าวครั้งต่อไป คาดว่าจะจัดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยปีนี้ตั้งเป้าระบายข้าวรัฐไว้ที่ 10 ล้านตัน ซึ่งจะมีทั้งข้าวคุณภาพและข้าวเสีย ข้าวเสื่อม ที่ใช้เฉพาะในอุตสาหกรรมเท่านั้น และยังติดคดีอยู่ราว 3-4 ล้านตัน คาดว่าจะประมูลข้าวเสีย ข้าวเสื่อมได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีเสร็จสิ้นแล้ว 

      "ปีนี้จะเป็นปีทองของข้าวในสต๊อกรัฐ เนื่องจากมีผลผลิตข้าวออกมาน้อย ประเทศผู้ส่งออกรายอื่นๆ ไม่มีของ ขณะที่ความต้องการข้าวโลกเพิ่มขึ้น ถ้าบริหารจัดการดีก็จะขายได้ราคาดีแน่นอน ขณะนี้ลูกค้าต่างประเทศหลายรายสนใจซื้อข้าวไทย" นางดวงพรกล่าว