- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 20 July 2024 19:11
- Hits: 8845
พาณิชย์ ชี้เป้าผู้ส่งออก บุกตลาดเครื่องดื่มในจีน แนะน้ำกระเจี๊ยบ ใบบัวบก มีโอกาส
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สำรวจตลาดเครื่องดื่มในจีน พบเติบโตต่อเนื่อง มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดเพียบ แถมใส่นวัตกรรมแบบจัดเต็ม ทั้งลดเครียด เสริมความงาม ดูแลสุขภาพ รักษ์สิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลได้ แนะผู้ส่งออกไทย ขายเครื่องดื่มจากพืช น้ำกระเจี้ยบ น้ำใบบัวบก บวกฟังก์ชันไร้ไขมัน ไร้น้ำตาล ส่วนการเจาะตลาด เน้นทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ ใช้อินฟลูเอนเซอร์ช่วยโปรโมตร่วมมือคู่ค้าทำ Co-Brand
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ได้รับรายงานจาก น.ส.บูชิตา อินทรทัศน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้า ในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มในจีน ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มใหม่ๆ ที่กำลังขยายตัว และโอกาสในการส่งออกสินค้าเครื่องดื่มของไทยเข้าสู่ตลาดจีน
โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานว่า อุตสาหกรรมครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของจีน เป็นตลาดที่กำลังเฟื่องฟู เนื่องจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางสังคม ผลิตภัณฑ์มีความหลากหลาย และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ อุตสาหกรรมนี้ จึงมอบโอกาสมากมายให้กับผู้เล่นในและต่างประเทศ โดยในปี 2566 ขนาดตลาดสูงถึง 1.7395 ล้านล้านหยวน (8.6975 ล้านล้านบาท)
โดยธุรกิจเครื่องดื่มซอฟต์ดริ๊ง ครองส่วนแบ่งในตลาดร้อยละ 68.36 เติบโตร้อยละ 4.1 และร้านเครื่องดื่ม ครองส่วนแบ่งในตลาดร้อยละ 19.30 เติบโตร้อยละ 21.5 แต่ผลการสำรวจในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคร้อยละ 87.4 มีความถี่ในการบริโภคในร้านเครื่องดื่มประเภทชารูปแบบใหม่เพิ่มขึ้น มีความถี่ในการบริโภคเครื่องดื่มรวมถึงน้ำบรรจุขวดลดลง
ทั้งนี้ เครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศจีน ได้แก่ น้ำดื่มบรรจุกล่อง เครื่องดื่มอัดลม ผลิตภัณฑ์นม และน้ำอัดลม โดยมีอัตราการบริโภค 63%, 55%, 54% และ 42% ตามลำดับ ส่วนแนวโน้มการพัฒนาเครื่องดื่มชนิดใหม่ๆ จะให้ความสำคัญกับคุณสมบัติพิเศษ อาทิ ลดความเครียด เสริมความงาม ดูแลสุขภาพ รักษ์สิ่งแวดล้อม บรรจุภัณฑ์สามารถนำมารีไซเคิลได้ หรือเบียร์หรือไวน์แบบไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น
สำหรับ ผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดและมีความแปลกใหม่ อาทิ แบรนด์หวางเหล่าจี๋ เปิดตัวชาสมุนไพรรสผักคาวทอง ที่มาพร้อมกับความซ่าไร้น้ำตาล แคลอรี่และไขมัน 0% จากก่อนหน้านี้ เปิดตัวชาสมุนไพรรสองุ่น+ฮวาเจียว รสทุเรียน รสคามิเลีย แบรนด์ IF ได้ผสมผสานความหอมจากชาและน้ำมะพร้าวออกมาได้อย่างลงตัว แถมยังไม่ใส่กรดเบนโซอิก เกลือโซเดียม กรดซอร์บิกและเกลือโพแทสเซียม
บรรจุภัณฑ์ยังปรับสีให้เข้ากับสีชา Nestle นำเสนอน้ำมะพร้าวนำเข้าจากเวียดนามและอินโดนีเซีย มีน้ำกะทิมากกว่า 13% น้ำมะพร้าวมากกว่า 20% มีใยอาหาร 1.2 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ไม่มีไขมันทรานส์ และยังมีแบรนด์อื่นๆ เช่น โค้กรสขิงสดของโคคาโคล่า น้ำผักชีของแบรนด์ Huiyuan โค้กรสพิมเสนของการ co-branding ระหว่างบริษัท Taiji Group และ Tianfu Kele น้ำอัดลมรสขิงของ WATSON น้ำอัดลมรสไก่ย่างของ YUYUAN ชาผลไม้รสยำตีนไก่จากแบรนด์ Meco กาแฟกระเทียมของแบรนด์ MOSHUISHI และน้ำอัดลมน้ำมันดอกคำฝอยของแบรนด์ ASIA เป็นต้น
นายภูสิต กล่าวว่า ตลาดเครื่องดื่มเป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีการแข่งขันที่รุนแรง ในทุกปีจึงมีแบรนด์จำนวนมากออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มานำเสนอผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรสชาติ รสนิยม และการสร้างประสบการณ์ที่ดี ต่างเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญ ตลาดเครื่องดื่มนับเป็นอีกตลาดที่มีโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะเข้ามาทำการตลาด
โดยสามารถพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ การนำเสนอรสชาติที่แปลกใหม่สำหรับชาวจีนจากพืชของไทย ที่มีคุณสมบัติดีต่อสุขภาพเป็นธรรมชาติ แก้กระหายดับร้อนในช่วงหน้าร้อนนี้ อย่างน้ำกระเจี้ยบ และน้ำใบบัวบก ที่ชาวไทยคุ้นเคยกันดี การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเพิ่มฟังก์ชั่นตามกระแสดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น 0% แคล 0% ไขมัน 0% น้ำตาล
“การจัดการห่วงโซ่อุปทานให้สามารถกระจายสินค้าได้ทั่วถึง การปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาด จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย กระตุ้นความสนใจจากผู้บริโภค การกระจายรูปแบบธุรกิจให้ครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ การสร้างความต่างให้กับผลิตภัณฑ์ อาจสร้างเรื่องราวหรือออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีลูกเล่น
หาความร่วมมือกับคู่ค้าท้องถิ่นในการ Co-Brand ร่วมมือกับผู้มีชื่อเสียงท้องถิ่นในการประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จักทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มอย่างลึกซึ้ง เพื่อวางตำแหน่งทางการตลาดให้ชัดเจน จะทำให้สินค้าไทยเป็นที่ต้องการและเจาะเข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้น”นายภูสิตกล่าว