WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ก.พาณิชย์ ตั้งเป้าส่งออกปีนี้โต 4% เน้นเจาะตลาดอาเซียน คาด 20 ม.ค.นี้ ระบายข้าวล็อตแรก 1 ล้านตัน ตั้งเป้าระบายหมด 17 ล้านตันภายในปี 59

     ก.พาณิชย์ ตั้งเป้าส่งออกปีนี้โต 4% เน้นทำตลาดเชิงรุก-เจาะตลาดอาเซียน  คาด 20 ม.ค.นี้ ระบายข้าวล็อตแรก 1 ล้านตัน ยันไม่ให้กระทบราคาข้าวในตลาด  ตั้งเป้าระบายหมด 17 ล้านตันภายในปี 59  แย้มวันศุกร์นี้ เตรียมประกาศราคาแนะนำสินค้ากลุ่มก่อสร้าง 5-6 รายการ คาดกลุ่มเม็ดพลาสติกปรับลดราคาลง 3.5-7.7%

     พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแผนยุทธศาสตร์การส่งออกของไทยในปีนี้ ว่า กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกเติบโต 4% โดยจะเน้นยุทธศาสตร์การตลาดเชิงรุกและบูรณาการ โดยกลุ่มเป้าหมายการส่งออกสำหรับปีนี้จะเน้นไปที่กลุ่มอาเซียน โดยคาดว่าจะเกิน 1 ใน 4 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ซึ่งตั้งเป้าหมายเติบโต 5.9% โดยจะเน้นการค้าชายแดน การเจรจากับกรมการค้าต่างประเทศ ขณะที่กลุ่มสหรัฐฯ ตั้งเป้าการส่งออกที่ 1.9% ตลาดใหม่แอฟริกาและอเมริกาใต้ สัดส่วนการส่งออก 7%

   "ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว คาดว่าการส่งออกของไทยจะฟื้นตัวไปด้วย แต่ยุทธศาสตร์ของไทยในด้านการส่งออกปีนี้จะเป็นการทำตลาดเชิงรุก เน้นเจาะตลาดเมืองใหม่ เมืองรอง รวมไปถึงการขยายช่องทางการตลาด การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าให้มีศักยภาพและสามารถแข่งขันได้ในประเทศอื่นๆ รวมไปถึงจะช่วยพัฒนาเอสเอ็มอีให้มีศักยภาพในการนำเสนอสินค้าแบบใหม่" พลเอก ฉัตรชัย กล่าว

   สำหรับ แผนการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลช่วงเดือน ม.ค.นี้ กระทรวงฯ มีแผนระบายข้าวจำนวน 1 ล้านตัน โดยจะเร่งระบายข้าวในทุกช่องทางที่สามารถทำได้ ซึ่งการระบายข้าวในครั้งนี้จะเป็นการประมูลแบบยกคลังจากปกติเป็นแบบรายกอง เนื่องจากปัจจุบันพบว่าข้าวในสต็อกของรัฐบาลมีการผสมกันระหว่างข้าวเกรดคุณภาพดี และเกรดคุณภาพรอง ส่งผลให้มีความจำเป็นที่จะต้องประมูลแบบยกคลัง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การระบายข้าวในครั้งนี้กระทรวงยืนยันว่าจะไม่ให้กระทบกับราคาตลาดอย่างแน่นอน

  "ในปีนี้กระทรวงยังมั่นใจว่าจะระบายข้าวได้ตามจำนวนที่ต้องการอย่างแน่นอน โดยปัจจุบันพบว่าข้าวในสต็อกมีข้าวหลายชนิด หลายคุณภาพ และมีคุณภาพที่แตกต่างกันค่อนข้างมากจากปริมาณความชื้นที่มากขึ้น ส่งผลให้การประมูลครั้งนี้จำเป็นที่จะต้องประมูลแบบยกคลัง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มประมูลได้ภายในวันที่ 20 ม.ค.นี้" พลเอก ฉัตรชัย กล่าว

    และจะสามารถระบายข้าวได้สต็อกของรัฐบาลที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 17 ล้านตัน ได้หมดภายในปี 2559 ซึ่งในปี 2559 ตั้งเป้าหมายระบายข้าวในสต็อกมากถึง 10 ล้านตัน โดยจะแบ่งสัดส่วนในการระบายข้าวทั้งข้าวคุณภาพเกรด A และข้าวคุณภาพเกรดรอง ซึ่งกระทรวงมั่นใจว่าการระบายข้าวใน 1-2 ปีนี้จะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันยังพบว่าตลาดยังมีความต้องการข้าวคุณภาพดี รวมไปถึงจะส่งผลให้ไทยสามารถระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ไปยังตลาดใหม่ๆได้มากขึ้นด้วย เช่น อินเดียและรัสเซีย เป็นต้น

    "ในช่วงเดือน ม.ค. ถึงเดือน มี.ค.นี้ กระทรวงคาดว่าจะระบายข้าวได้ปริมาณสูง โดยเบื้องต้นจะเน้นระบายข้าวที่มีคุณภาพเกรด A เข้าสู่ตลาด หลังจากนั้นในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นข้าวคุณภาพเกรด B และเกรด C เป็นลำดับถัดไป"  รมว.พาณิชย์ กล่าว 

    สำหรับ แผนการระบายข้าวของรัฐบาลแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี กระทรวงมีแผนเดินหน้าไปเจรจาขายข้าวกับประเทศอินเดียและรัสเซีย อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศอินเดียจะเป็นคู่แข่งในด้านการส่งออกข้าว แต่เชื่อมั่นว่าอินเดียยังมีความต้องการข้าวหอมมะลิคุณภาพดี ซึ่งไทยยังมีช่องทางที่จะสามารถขายข้าวหอมมะลิคุณภาพดีให้กับอินเดียได้ จึงถือว่าเป็นช่องทางในการะบายข้าวแบบจีทูจีอีกช่องทางหนึ่ง

    นอกจากนี้ แผนการระบายข้าวในรัสเซียจะดำเนินการต่อ หลังจากสามารถเจรจาขายข้าวกับอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.พ.นี้ ส่วนการระบายข้าวในรัสเซียจะนำข้าวหอมมะลิคุณภาพเกรด A ข้าวไประบายข้าวแบบจีทูจีเช่นเดียวกัน ส่วนจะสามารถบรรลุข้อตกลงได้เมื่อไหร่นั้น คงยังไม่สามารถตอบได้ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาต่างๆ   

   "แนวคิดของกระทรวงตอนนี้มีแผนที่จะระบายข้าวแบบจีทูจีไปยังประเทศต่างๆ ที่นอกเหนือจากการนำผู้ประกอบการไปเจรจาขายข้าวที่ฮ่องกง รวมไปถึงการเจรจาขายข้าวแบบจีทูจีที่จีน หลังจากนั้นในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้ จะมีการเจรจาขายข้าวแบบจีทูจีให้กับอินเดีย รัสเซีย เป็นลำดับต่อไป" พลเอก ฉัตรชัย กล่าว

   พลเอก ฉัตรชัย เปิดเผยว่า ในวันศุกร์นี้ (16 ม.ค.) กระทรวงเตรียมประกาศราคาแนะนำราคาสินค้า 5-6 รายการ ซึ่งรวมไปถึงราคาอาหารในบางประเภท ตลอดจนสินค้าประเภทก่อสร้าง เช่น น้ำมันหล่อลื่น วัสดุก่อสร้าง เม็ดพลาสติก ปูนซีเมนต์ กระเบื้องมุงหลังคา เหล็ก ปุ๋ยเคมี ซึ่งจะเจรจากับผู้ประกอบการเพื่อปรับลดดราคาสินค้า ช่วยเหลือผู้ประกอบการกลุ่มวัสดุก่อสร้าง โดยในกลุ่มของเม็ดพลาสติกคาดว่าราคาจะปรับลดลงประมาณ 3.85 -7.7% ขณะที่กลุ่มสินค้าอื่นๆ คงยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะปรับลดในอัตราส่วนเท่าใด

   "สำหรับ แผนดูแลราคาสินค้า กระทรวงยังยืนยันว่าจะดูแลราคาสินค้าให้เป็นธรรมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง รวมไปถึงสินค้าจะต้องมีความเพียงพอต่อตลาดไม่ขาดแคลน" พลเอก ฉัตรชัย กล่าว

    ทั้งนี้ ในปี 2559 กระทรวงคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายในการเจรจาการค้าเสรี หรือ FTA กับฮ่องกงได้อย่างแน่นอน  ทั้งนี้ในการเดินทางไปเจรจาเพื่อให้ได้บรรลุข้อตกลงดังกล่าว กระทรวงจะนำข้าวในราคารองจากข้าวหอมมะลิ คือข้าวสังข์หยด ไปเสนอขายให้ผู้ประกอบการฮ่องกง โดยการเสนอข้าวในครั้งนี้จะเป็นระหว่างภาคเอกชนกับภาคเอกชนของฮ่องกง รวมทั้งสิ้น 1 แสนตัน โดยการเสนอขายข้าวครั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าตลาดฮ่องกงยังมีตลาดกลางและตลาดล่างที่ยังมีความต้องการข้าวราคาถูก ซึ่งเข้าเกณฑ์กับข้าวสังข์หยดของไทย ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปเป็นสักขีพยานในการเจรจาซื้อขายข้าวในครั้งนี้ 

  "ในปีหน้ามั่นใจว่าจะสามารถเจรจา FTA กับฮ่องกงสำเร็จอย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลดีกับผู้ประกอบการต่างๆในด้านของต้นทุน และการไปเจรจากับฮ่องกงในครั้งนี้จะนำผู้ประกอบการไปเจรจาขายข้าวสังข์หยดให้กับผู้ประกอบการฮ่องด้วย โดยคาดว่าจะสามารถเจรจาขายข้าวได้ทั้งสิ้น 1 แสนตัน" พลเอก ฉัตรชัย กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!