- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Monday, 10 June 2024 08:42
- Hits: 10476
ค่าไฟ น้ำมัน ผัก ไข่ขึ้น ดันเงินเฟ้อ พ.ค.67 เพิ่ม 1.54% สูงสุดในรอบ 13 เดือน
พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อ พ.ค.67 เพิ่มขึ้น 1.54% บวกต่อเนื่อง 2 เดือนติด และสูงสุดในรอบ 13 เดือน เหตุค่าไฟเพิ่มขึ้น จากฐานปีก่อนต่ำจากมาตรการลดค่าไฟ ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ผักสดและไข่ไก่ สูงขึ้น รวม 5 เดือน ลด 0.13% คาดเดือน มิ.ย. ยังเพิ่มในอัตราที่ชะลอตัว คงเป้าทั้งปี 0-1% ค่ากลาง 0.5% เหมือนเดิม
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน พ.ค.2567 เท่ากับ 108.84 เทียบกับ เม.ย.2567 เพิ่มขึ้น 0.63% เทียบกับเดือน พ.ค.2566 เพิ่มขึ้น 1.54% เป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และสูงสุดในรอบ 13 เดือน
โดยมีสาเหตุสำคัญจากการสูงขึ้นของค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราวจากฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน เพราะเดือน พ.ค.2566 มีมาตรการลดค่าไฟ และราคาน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ ปรับขึ้นตามราคาพลังงานในตลาดโลก รวมถึงผักสด และไข่ไก่ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนส่งผลให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง ส่วนสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก และหากรวมเงินเฟ้อ 5 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-พ.ค.) ลดลง 0.13%
สำหรับ รายละเอียดเงินเฟ้อเดือน พ.ค.2567 ที่เพิ่มขึ้น 1.54% มาจากการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 1.13% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญกลุ่มอาหารสด อาทิ ผักสด (ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ มะเขือ กะหล่ำปลี ขิง ผักชี) ผลไม้สด (มะม่วง องุ่น กล้วยหอม) ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ไข่ไก่ และไข่เป็ด
กลุ่มอาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน (กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่ง ข้าวราดแกง) กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำหวาน) และกลุ่มเครื่องประกอบอาหาร (น้ำตาลทราย น้ำพริกแกง มะพร้าว (ผลแห้ง ขูด)) ขณะที่ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร มะนาว ปลาทู น้ำมันพืช และกระเทียม เป็นต้น
ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่ม 1.84% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง (แก๊สโซฮอล์ 91 95 และ E20 น้ำมันเบนซิน 95) กลุ่มเคหสถาน (ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน) กลุ่มค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (แป้งทาผิวกาย ยาสีฟัน ค่าแต่งผมสตรี) กลุ่มยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ (สุรา บุหรี่ ไวน์) และมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ น้ำมันดีเซล ผงซักฟอก ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว สบู่ถูตัว เสื้อยืดบุรุษและสตรี และเสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี เป็นต้น
ทางด้านเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน พ.ค.2567 เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.08% เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย.2567 และเพิ่มขึ้น 0.39% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค.2566 เฉลี่ย 5 เดือน ปี 2567 (ม.ค.-พ.ค.) เพิ่มขึ้น 0.42%
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 1-1.1% ชะลอตัวลงจากเดือน พ.ค.2567 เพราะผลกระทบจากฐานราคาต่ำของค่าไฟฟ้าลดลง และเดือน พ.ค. มีการต่ออายุมาตรการลดค่าไฟของครัวเรือนอีก 4 เดือน (พ.ค.-ส.ค.2567) ราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะผักสด มีแนวโน้มลดลง หลังสิ้นสุดสภาพอากาศร้อนจัดและเข้าสู่ฤดูฝน ผู้ประกอบการมีข้อจำกัดผ่านต้นทุนไปยังราคาขาย จากเศรษฐกิจที่อยู่ระดับต่ำ และมีการจัดโปรโมชันลดราคา
ทั้งนี้ ต้องจับตาราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศ ซึ่งปรับมาอยู่ที่ 33.00 บาทต่อลิตร สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่จะส่งผลกระทบต่อต้นทุน และต้องดูว่าจะมีการปรับเพดานราคาอีกหรือไม่ เนื่องจากน้ำมันมีสัดส่วน 9% ในการคำนวณเงินเฟ้อ
และยังมีความไม่แน่นอนจากผลกระทบของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้ราคาน้ำมันและค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าปรับตัวสูงขึ้นตาม แต่กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่าง 0.0–1.0% ค่ากลาง 0.5% เหมือนเดิม ซึ่งสอดคล้องกับหลายสำนักงานทางเศรษฐกิจที่ประเมินไว้
ดัชนีเศรษฐกิจการค้า ประจำเดือนพฤษภาคม 2567 🛒🛍️📊💰
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือนพฤษภาคม 2567 เท่ากับ 108.84 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งเท่ากับ 107.19 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นร้อยละ 1.54 (YoY)
โดยมีปัจจัยสำคัญจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราวจากฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน น้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ ตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก รวมถึงผักสด และไข่ไก่ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนส่งผลให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
📊 อัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนเมษายน 2567 พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทย สูงขึ้นร้อยละ 0.19 ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 6 จาก 129 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และอยู่ในระดับต่ำสุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (สปป.ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย)
📊 แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมิถุนายน 2567 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง โดยมีสาเหตุสำคัญจาก
.(1) ผลกระทบจากฐานราคาต่ำของค่ากระแสไฟฟ้าลดลง
(2) การต่ออายุมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าของครัวเรือน อีก 4 เดือน (พ.ค. – ส.ค. 2567)
(3) ราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะผักสดมีแนวโน้มลดลง หลังสิ้นสุดสภาพอากาศร้อนจัด และเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ
(4) การเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ระดับต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการมีข้อจำกัดในการส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาขาย รวมทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่มีการทำโปรโมชันส่งเสริมการขาย
ขณะที่ปัจจัยที่ทำให้สินค้าบางชนิดยังอยู่ในระดับสูง ได้แก่
(1) ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศ ซึ่งปรับมาอยู่ที่ 33.00 บาทต่อลิตร สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
(2) ความไม่แน่นอนจากผลกระทบของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อาจทำให้ราคาน้ำมันและค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าปรับตัวสูงขึ้นตาม
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่างร้อยละ 0.0 – 1.0 (ค่ากลางร้อยละ 0.5) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง
.
💾 ข้อมูลฉบับเต็ม: ในคอมเมนต์ด้านล่าง
.
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจการค้าก่อนใครที่
📌 LINE: @TPSO.tradeinsights
📌 Website : tpso.go.th