- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 29 May 2024 09:19
- Hits: 4904
พาณิชย์ เข้มสินค้า DUI นำร่องคุมส่งออก-ส่งกลับกลุ่มวัสดุเครื่องจักรกลหนัก-อุปกรณ์นิวเคลียร์
คณะกรรมการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง มีมติเห็นชอบการใช้มาตรการขออนุญาตสำหรับการส่งออกและส่งกลับสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (DUI) นำร่องกลุ่มวัสดุเครื่องจักรกลหนักและอุปกรณ์นิวเคลียร์ ก่อนขยายไปสินค้ากลุ่มอื่น เพื่อยกระดับการควบคุมให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล สร้างความมั่นใจคู่ค้าและดึงดูดการลงทุน
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2567 ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ครั้งที่ 1/2567 เพื่อพิจารณายกระดับมาตรการควบคุมสินค้าที่ใช้ได้สองทาง (DUI) โดยมีมติเห็นชอบให้สินค้า DUI เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต เบื้องต้นจะควบคุมการส่งออกและการส่งกลับสินค้า DUI ในกลุ่มวัสดุเครื่องจักรกลหนักและอุปกรณ์นิวเคลียร์ ก่อนที่จะขยายขอบเขตควบคุมสินค้าอื่น ๆ ต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมี พ.ร.บ.การควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ.2562 ซึ่งให้อำนาจในการพิจารณากำหนดมาตรการควบคุม DUI อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีมาตรการอนุญาต (Licensing) ประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงที่เพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าถูกพัฒนาเป็น DUI ได้ และอาจถูกใช้ในการก่อการร้ายหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของโลก ยกตัวอย่างเช่น เชื้อไวรัสบางชนิดที่นำมาใช้ผลิตวัคซีนทางการแพทย์สามารถนำไปดัดแปลงเป็นอาวุธชีวภาพได้ เป็นต้น ไทยจึงมีความจำเป็นที่ต้องยกระดับมาตรการให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้เห็นชอบให้กรมศุลกากร และกรมร่วมกันกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรและรหัสสถิติสำหรับสินค้า DUI เพื่อให้กรมสามารถเชื่อมโยงข้อมูลใบอนุญาตผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์กับระบบ National Single Window (NSW) ของกรมศุลกากรได้ โดยนายภูมิธรรมได้เน้นย้ำว่ากระบวนการออกใบอนุญาตสินค้า DUI ของกรม จะต้องกำหนดกรอบระยะเวลาการพิจารณาที่ชัดเจนและรวดเร็ว เพื่อไม่สร้างภาระแก่ผู้ประกอบการจนเกินความจำเป็น
นายรณรงค์ กล่าวว่า การมีมาตรการ Licensing ไม่เพียงแต่จะเป็นการแสดงให้ประชาคมโลกเห็นว่าไทยปฏิบัติตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSCR ที่ 1540) เท่านั้น แต่ยังผลักดันให้ไทยเพิ่มขีดความสามารถทางการค้าในเวทีโลกในระยะยาว เพราะสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าสำคัญว่าไทยจะไม่ใช่แหล่งเผยแพร่สินค้า DUI เพื่อนำไปใช้ในทางที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก รวมถึงจะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงได้อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างโอกาสให้กลุ่ม SME เข้ามาอยู่ในห่วงโซ่การผลิตสินค้าที่มีเทคโนโลยีระดับสูงอีกด้วย
สำหรับ ขั้นตอนต่อไป กรมจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ และกรมศุลกากร เพื่อนำแนวทางการกำหนดมาตรการอนุญาตดังกล่าวไปจัดทำอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องพร้อมพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์รองรับการขออนุญาต โดยพิจารณาบนพื้นฐานของความสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการร่วมปกป้องความมั่นคงระหว่างประเทศเป็นสำคัญ