- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 12 May 2024 08:31
- Hits: 4836
น้ำมันขึ้น ผัก ผลไม้ ราคาขยับ ดันเงินเฟ้อ เม.ย.เพิ่ม 0.19% บวกครั้งแรกรอบ 7 เดือน
พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อ เม.ย.67 เพิ่มขึ้น 0.19% พลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน เหตุน้ำมัน ทั้งเบนซิน ดีเซล ขยับขึ้น ผักสด ผลไม้สด ราคาขึ้น รวม 4 เดือน ลดลง 0.55% คาด พ.ค. ขึ้นต่อ เหตุฐานปีก่อนเดือน พ.ค. ต่ำสุดในรอบปี 66 ราคาสินค้าเกษตรขึ้น น้ำมันทรงตัวสูง บาทอ่อนกระทบสินค้านำเข้า รับขึ้นค่าแรง 400 บาท แจกดิจิทัล วอลเล็ต กระทบเงินเฟ้อแน่ ยังคงเป้าทั้งปี 0-1% ค่ากลาง 0.5%
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน เม.ย.2567 เท่ากับ 108.16 เทียบกับ มี.ค.2567 เพิ่มขึ้น 0.85% เทียบกับเดือน เม.ย.2566 เพิ่มขึ้น 0.19% กลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน โดยมีสาเหตุสำคัญจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งเบนซินและดีเซล ตามสถานการณ์ราคาพลังงานตลาดโลก สินค้าเกษตรหลายรายการ โดยเฉพาะผักสด และผลไม้สด ออกสู่ตลาดลดลง และราคาสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด และหากรวมเงินเฟ้อ 4 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-เม.ย.) ลดลง 0.55%
สำหรับ รายละเอียดเงินเฟ้อเดือน เม.ย.2567 ที่สูงขึ้น 0.19% มาจากการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 0.28% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญกลุ่มอาหารสด อาทิ ผักสด (แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักชี ผักคะน้า ผักกาดขาว ต้นหอม) ผลไม้สด (กล้วยหอม องุ่น สับปะรด) ข้าวสารเจ้า และข้าวสารเหนียว เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัดและขาดแคลนน้ำในหลายพื้นที่ทำการเกษตร ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง อาหารบริโภคในบ้าน (กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว อาหารว่าง ข้าวแกง/ข้าวกล่อง) ตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่วนสินค้าที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร ปลาทู น้ำมันพืช และกระเทียม เป็นต้น
ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่ม 0.12% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง (แก๊สโซฮอล์ 95 91 และ E20 น้ำมันเบนซิน 95) ตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น ค่าของใช้ส่วนบุคคล (แป้งทาผิวกาย ยาสีฟัน กระดาษชำระ) เนื่องจากสิ้นสุดโปรโมชัน ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ (สุรา บุหรี่ ไวน์) และสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง อาทิ ค่ากระแสไฟฟ้า น้ำมันดีเซล ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม เสื้อยืดบุรุษและสตรี และเสื้อเชิ้ตบุรุษและสตรี เป็นต้น
ทางด้านเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน เม.ย.2567 เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.05% เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค.2567 และเพิ่มขึ้น 0.37% เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย.2566 เฉลี่ย 4 เดือน ปี 2567 (ม.ค.-เม.ย.) เพิ่มขึ้น 0.42%
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อเดือน พ.ค.2567 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เพราะฐานเดือน พ.ค.2566 อยู่ในระดับต่ำ และต่ำสุดของปี 2566 ราคาสินค้าเกษตรหลายรายการสูงขึ้น ทั้งไข่ไก่ เนื้อสุกร ผักและผลไม้ จากสภาพอากาศร้อนจัด ราคาน้ำมันตลาดโลกทรงตัวระดับสูง และมีการลดการอุดหนุนราคาในประเทศ ค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ต้นทุนสินค้านำเข้าสูงขึ้น ผู้ประกอบการได้รับแรงกดดันด้านต้นทุน ทั้งดอกเบี้ย น้ำมัน และค่าไฟที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะขยายตัว 1-1.5% ส่วนไตรมาส 2 น่าจะเพิ่ม 0.8-1%
ทั้งนี้ กรณีที่รัฐบาลจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ ตั้งแต่ 1 ต.ค.2567 กำลังติดตามและดูรายละเอียดว่าจะกระทบต่อเงินเฟ้อมากน้อยแค่ไหน รวมถึงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 1 หมื่นบาท ซึ่งตอนนี้ยังไม่เกิด แต่ถ้ามา มีผลกระทบต่อเงินเฟ้อแน่ แต่จนถึงขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่าง 0.0–1.0% ค่ากลาง 0.5% และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็จะมีการทบทวนอีกครั้ง
เงินเฟ้อไทยกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน 🛒🛍️📊💰
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือนเมษายน 2567 เท่ากับ 108.16 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2566 ซึ่งเท่ากับ 107.96 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นร้อยละ 0.19 (YoY) กลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน เป็นผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับสูงขึ้น
ตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก สินค้าเกษตรหลายรายการโดยเฉพาะผักสด และผลไม้สด ออกสู่ตลาดลดลงและราคาสูงขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด สำหรับสินค้าและบริการอื่นๆ ราคาเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ
📊 อัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนมีนาคม 2567 พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยลดลงร้อยละ 0.47 ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 5 จาก 137 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และอยู่ในระดับต่ำอันดับ 2 ในอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (สปป.ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน)
📊 แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤษภาคม 2567 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น โดยมีสาเหตุสำคัญจาก
(1) ฐานราคาค่ากระแสไฟฟ้าเดือนพฤษภาคม 2566 อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดของปี 2566
(2) ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น ทั้งไข่ไก่ เนื้อสุกร ผัก และผลไม้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และขาดแคลนน้ำในบางพื้นที่
(3) ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรงตัวในระดับสูง ประกอบกับมีการปรับลดการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศ
(4) ค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น และ
(5) ผู้ประกอบการมีแรงกดดันจากต้นทุนที่อยู่ในระดับสูง ทั้งอัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าใช้จ่ายค่ากระแสไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ยังมีปัจจัยที่ทำให้ราคาสินค้าและบริการบางชนิดยังคงอยู่ในระดับต่ำ ได้แก่
(1) เศรษฐกิจขยายตัวในระดับต่ำ และ
(2) การแข่งขันที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการค้าส่งและค้าปลีกขนาดใหญ่ รวมทั้งการเติบโตของการค้าอีคอมเมิร์ซ ทำให้มีการแข่งขันและใช้นโยบายส่งเสริมการค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะการปรับลดราคาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่างร้อยละ 0.0 – 1.0 (ค่ากลางร้อยละ 0.5) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง
.
💾 ข้อมูลฉบับเต็ม: ในคอมเมนต์ด้านล่าง.
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจการค้าก่อนใครที่
📌 LINE: @TPSO.tradeinsights
📌 Website : tpso.go.th