- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 07 April 2024 20:27
- Hits: 7467
เงินเฟ้อ มี.ค.ลบ 0.47% ลง 6 เดือนติด ปรับเป้าทั้งปีใหม่ 0-1% ค่ากลาง 0.5%
พาณิชย์”เผยเงินเฟ้อ มี.ค.67 ติดลบ 0.47% ลดลงต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน เหตุราคาอาหารสด ทั้งเนื้อสุกร ผักสดปรับลดลง ค่าไฟฟ้าและน้ำมัน ยังต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนสินค้าอื่นๆ เคลื่อนไหวในทางปกติ ยอดรวม 3 เดือน ลด 0.79% คาดเดือน เม.ย. มีลุ้นได้ทั้งบวกและลบที่ 0.1% แต่ พ.ค.-มิ.ย. เป็นบวกแน่ ปรับเป้าทั้งปีใหม่ เป็นบวก 0-1% ค่ากลาง 0.5%
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน มี.ค.2567 เท่ากับ 107.25 เทียบกับ ก.พ.2567 เพิ่มขึ้น 0.03% เทียบกับเดือน มี.ค.2566 ลดลง 0.47% เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
โดยมีสาเหตุสำคัญจากราคาอาหารสด ทั้งเนื้อสุกร และผักสด เนื่องจากผลผลิตในตลาดมีจำนวนมาก และฐานราคาเดือนมี.ค.2566 อยู่ในระดับสูง ส่วนราคาพลังงาน ทั้งค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำมันดีเซล ยังคงต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปี 2566 เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ และเครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด ราคายังคงปรับลดลง ขณะที่สินค้าและบริการอื่นๆ ราคาเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ และหากรวมเงินเฟ้อ 3 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-มี.ค.) ลดลง 0.79%
สำหรับ รายละเอียดเงินเฟ้อเดือน มี.ค.2567 ที่ลดลง 0.47% มาจากหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ลดลง 0.57% ตามการลดลงของเนื้อสุกร ปลาทู ปลากะพง ผักสด เช่น มะนาว กะหล่ำปลี มะเขือเทศ เนื่องจากผลผลิตในตลาดมีจำนวนมาก และฐานราคาเดือน มี.ค.2566 ที่ใช้คำนวณเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง และน้ำมันพืช และอาหารโทรสั่ง (พิซซา) ที่ลดลง ส่วนสินค้าที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ข้าวสาร ไข่ไก่ นมสด องุ่น ส้มเขียวหวาน น้ำตาลทราย กาแฟผงสำเร็จรูป กับข้าวสำเร็จรูป และอาหารกลางวัน
ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 0.40% ตามค่ากระแสไฟฟ้า และราคาน้ำมันในกลุ่มดีเซล ที่ยังต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปี 2566 จากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐที่ยังคงดำเนินการอยู่ เสื้อผ้าบุรุษ สตรี และเสื้อผ้าเด็ก
สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด เช่น ผงซักฟอก น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาปรับผ้านุ่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น รวมถึงของใช้ส่วนบุคคล เช่น ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว สบู่ถูตัว แป้งผัดหน้า ราคาปรับลดลง ส่วนสินค้าที่ราคาสูงขึ้นเล็กน้อย อาทิ ค่าแต่งผมบุรุษและสตรี ยาแก้ปวดลดไข้ ยาลดกรดในกระเพาะ ค่าตรวจรักษาคลินิกเอกชน ค่าทัศนาจรในประเทศและต่างประเทศ บุหรี่ สุรา และไวน์
ทางด้านเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน มี.ค.2567 เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก ลดลง 0.01% เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ.2567 และเพิ่มขึ้น 0.37% เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค.2566 เฉลี่ย 3 เดือน ปี 2567 (ม.ค.-มี.ค.) เพิ่มขึ้น 0.44%
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อเดือน เม.ย.2567 มีโอกาสที่จะอยู่ทั้งฝั่งบวกและลบ ที่ประมาณ 0.1% แต่เดือน พ.ค. และมิ.ย. จะกลับมาเป็นบวก ทำให้ไตรมาส 2 น่าจะขยายตัวเป็นบวกประมาณ 0.5-06% เพราะราคาน้ำมันตลาดโลก มีแนวโน้มสูงขึ้น
โดยเฉพาะเบนซิน ส่วนดีเซล ก็ต้องรอดูมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ อัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มอ่อนค่า ทำให้สินค้านำเข้าราคาสูงขึ้น ค่าไฟฟ้าฐานปีก่อนต่ำ ราคาสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มสูงขึ้น จากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อไม่สูงขึ้นมาก เช่น ฐานที่สูงของราคาเนื้อสุกรและผักในปีที่แล้ว และปีนี้ราคามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ จากปริมาณผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เศรษฐกิจขยายตัวในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง
และมีแนวโน้มต่ำกว่าที่หลายสำนักคาดการณ์เดิมในช่วงต้นปี และมีการแข่งขันที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการค้าส่งและค้าปลีกขนาดใหญ่ การเติบโตของการค้าออนไลน์ ทำให้มีการใช้นโยบายส่งเสริมการค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะการปรับลดราคาอย่างต่อเนื่อง
“จากปัจจัยดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 จากเดิมติดลบ 0.3% ถึงบวก 1.7% ค่ากลาง 0.7% เป็นบวกระหว่าง 0–1% ค่ากลาง 0.5% เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนเป้าหมายเงินเฟ้อต่อไป”นายพูนพงษ์กล่าว
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยปรับลดลงตามคาด 🛒🛍️📊💰
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือนมีนาคม 2567 เท่ากับ 107.25 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งเท่ากับ 107.76 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงร้อยละ 0.47 (YoY) ปรับลดลงตามราคาอาหารสด ทั้งเนื้อสุกร และผักสด เนื่องจากผลผลิตในตลาดมีจำนวนมาก และฐานราคาเดือนมีนาคม 2566 อยู่ในระดับสูง
รวมทั้งราคาพลังงาน ทั้งค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำมันดีเซล ยังคงต่ำกว่าเดือนเดียวกันของปี 2566 เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ นอกจากนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด ราคายังคงปรับลดลง สำหรับสินค้าและบริการอื่นๆ ราคาเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ
อัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2567 พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยลดลงร้อยละ 0.77 ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 4 จาก 136 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และยังคงต่ำที่สุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (สปป.ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย)
📊 แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 มีแนวโน้มสูงขึ้นจากไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 เนื่องจาก
1 - ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
2 - อัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มอ่อนค่ากว่าไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 และช่วงเดียวกันของปีก่อน
3 - ฐานค่ากระแสไฟฟ้าที่ต่ำในปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคม 2566 เนื่องจากรัฐบาลมีการดำเนินมาตรการลดราคาค่ากระแสไฟฟ้าค่อนข้างมาก
4 - การปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ทำให้ราคาสินค้าในหมวดที่เกี่ยวข้องปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่มีปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ ได้แก่
1 - ฐานที่สูงของราคาเนื้อสุกรและผัก รวมทั้งราคาในปีนี้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ จากปริมาณผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก
2 - เศรษฐกิจขยายตัวในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มต่ำกว่าคาดการณ์เดิมในช่วงต้นปี
3 - การแข่งขันที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการค้าส่งและค้าปลีกขนาดใหญ่ รวมทั้งการเติบโตของการค้าอีคอมเมิร์ซ ทำให้มีการใช้นโยบายส่งเสริมการค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะการปรับลดราคาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 จากเดิมระหว่างร้อยละ (-0.3) – 1.7 (ค่ากลาง 0.7) เป็นระหว่างร้อยละ 0.0 – 1.0 (ค่ากลาง 0.5) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันและหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าจะมีการทบทวนต่อไป.
💾 ข้อมูลฉบับเต็ม: ในคอมเมนต์ด้านล่าง.
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจการค้าก่อนใครที่
📌 LINE: @TPSO.tradeinsights
📌 Website : tpso.go.th