WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

อาเซียน Kick off

นภินทร นำทัพไทย ร่วมถกในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน Kick off แผนงานสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ปี 67

สปป.ลาว นั่งหัวโต๊ะประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนนัดแรก ประกาศแผนงานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2567 ผ่าน 3 กลไก ซึ่งเน้นให้อาเซียนเชื่อมโยงกระบวนการผลิตโลกตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ และวางรากฐานอาเซียนมุ่งสู่การพัฒนาภูมิภาคอย่างยั่งยืน และก้าวสู่ภูมิภาคดิจิทัล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มต่อภาคธุรกิจเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปพร้อมกัน

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ ​รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 30 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2567 ณ แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว โดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เห็นชอบแผนงานสำคัญที่เป็นกรอบการทำงานของเสาเศรษฐกิจอาเซียนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2567 ภายใต้วาระการเป็นประธานอาเซียนของ สปป.ลาว

ASIAN

นายนภินทรฯ กล่าว่า อาเซียนให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับคู่ภาคี เพื่อให้อาเซียนเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการการผลิตของโลก ผ่าน FTA สองฉบับสำคัญของอาเซียน ได้แก่ (1) การเร่งรัดให้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ มีผลใช้บังคับภายในปี 2567 เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าและการลงทุนจากความตกลงฯ ที่ปรับปรุงพันธกรณี ให้มีความทันสมัย รองรับกับรูปแบบการค้ายุคใหม่

รวมทั้งเปิดโอกาสและอำนวยความสะดวกในการส่งออกไปยังออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มากขึ้น และ (2) การผลักดันการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน ให้มีความคืบหน้าสำคัญ เช่น การลดและยกเลิกภาษีสินค้าเพิ่มเติม การเปิดเสรีด้านการลงทุน และความร่วมมือกับจีนในสาขาใหม่ๆ อาทิ การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจ สีเขียว และเศรษฐกิจดิจิทัล

ในขณะที่ อาเซียนเร่งพัฒนาด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคแล้ว ยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอาเซียนให้สอดรับกับแนวโน้มการพัฒนาของภูมิภาค ซึ่งรวมถึงเศรษฐกิจสีเขียว ให้เป็นที่ยอมรับในสากล ผ่านการจัดทำยุทธศาสตร์ลดช่องว่างการพัฒนาและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ อาเซียนได้เตรียมวางรากฐานของภูมิภาคเพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผ่านแผนงานสำคัญ อาทิ (1) การปรับปรุงระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว ให้เป็นรูปแบบใหม่ ที่สามารถเชื่อมโยงแพลตฟอร์มทางการค้าใหม่ๆ เข้ากับระบบปัจจุบัน (2) การจัดทำ Roadmap เพื่อสร้างให้การค้าดิจิทัลในอาเซียนมีมาตรฐานเดียวกัน และ (3) การพัฒนาหมายเลขทะเบียนนิติบุคคลเดียวที่สามารถเทียบเคียงและยอมรับร่วมกันได้ในอาเซียน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้พร้อมกับการค้ายุคใหม่

นายนภินทรฯ กล่าวเสริมว่า อาเซียนได้คำนึงถึงระดับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจดิจิทัลที่ต่างกันของประเทศสมาชิก จึงเตรียมเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลอย่างเต็มที่ ผ่านการจัดทำความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน (DEFA) ที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดทิศทางการค้าดิจิทัลในอาเซียน ให้ประเทศสมาชิกมีกรอบกติกาด้านการค้าดิจิทัลที่เหมือนกัน

เปิดกว้าง และปลอดภัยในการทำธุรกรรมด้านดิจิทัลระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยให้การประกอบธุรกิจและผู้บริโภคได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย และจะช่วยส่งเสริมการค้าสินค้าและธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องให้เติบโต รวมทั้งดึงดูดการลงทุนจากทั้งภายในและภายนอกภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ภูมิภาคก้าวสู่การเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 4 ของโลก ภายในปี 2030

นายนภินทรฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนนัดประชุมติดตามผลการดำเนินการอีกครั้งในเดือนกันยายน 2567 ก่อนนำเสนอผลลัพธ์สำคัญต่อผู้นำอาเซียนในเดือนตุลาคม ศกนี้

 

 Click Donate Support Web

 

Banner GPF720x100 PX 

EXIM One 720x90 C JTU720x100sme 720x100

BANPU 720x100

วิริยะ 720x100

ais_720x100.gifhino2021

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!