WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

รณรงค์ พูลพิพัฒน์

สรุปปี 66 ไทยส่งออกข้าวทะลุเป้า 8.76 ล้านตัน เพิ่ม 13.62% ปี 67 ลดเหลือ 7.5 ล้านตัน

กรมการค้าต่างประเทศสรุปตัวเลขส่งออกข้าวไทยปี 66 ทำได้ 8.76 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13.62% ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 8 ล้านตัน อินโดนีเซียขึ้นเป็นตลาดอันดับหนึ่ง ตามด้วยแอฟริกาใต้ อิรัก สหรัฐฯ และจีน ส่วนปี 67 ตั้งเป้า 7.5 ล้านตัน เหตุผลผลิตลด การแข่งขันรุนแรง ผลผลิตข้าวโลกเพิ่ม หลายประเทศลดนำเข้า และข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่ง เตรียมแผนส่งเสริมและขยายตลาด ทั้งจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ กระชับความสัมพันธ์คู่ค้า เร่งขาย G to G

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวไทยในปี 2566 มีปริมาณ 8.76 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13.62% เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 8 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 178,136 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.43% หรือประมาณ 5,144 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตลาดสำคัญ 5 ลำดับแรก ได้แก่ อินโดนีเซีย สัดส่วน 16.11% เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย รองลงมา คือ แอฟริกาใต้ สัดส่วน 10.10% อิรัก 9.74% สหรัฐฯ 8.06% และจีน 5.38% และในจำนวนข้าวที่ส่งออก แยกเป็นข้าวขาว สัดส่วน 55.54% ข้าวหอมมะลิไทย 19.17% ข้าวนึ่ง 15.70% ข้าวหอมไทย 5.97% ข้าวเหนียว 2.97% และข้าวกล้อง 0.65%

ทั้งนี้ หากแยกการส่งออกเป็นรายภูมิภาค โดยเอเชีย ได้แก่ อินโดนีเซีย จีน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และฮ่องกง มีสัดส่วน 41.14% แอฟริกา ได้แก่ แอฟริกาใต้ เซเนกัล แคเมอรูน โมซัมบิก โกตดิวัวร์ เบนิน สัดส่วน 28.46% ตะวันออกกลาง ได้แก่ อิรัก เยเมน อิสราเอล ซีเรีย ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สัดส่วน 13.26% อเมริกา ได้แก่ สหรัฐฯ แคนาดา บราซิล เปอร์โตริโก เม็กซิโก สัดส่วน 11.54% ยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร อิตาลี เบลเยียม สัดส่วน 3.31% โอเชียเนีย ได้แก่ ปาปัวนิวกินี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฟิจิ สัดส่วน 2.29%

นายรณรงค์ กล่าวว่า เป้าหมายการส่งออกข้าวไทยในปี 2567 กรมได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยคาดการณ์ร่วมกันว่าจะส่งออกได้ปริมาณ 7.5 ล้านตัน ลดลงจากปี 2566 เพราะผลผลิตข้าวของไทย คาดว่าจะลดลงจากปีก่อนถึง 5.87% เป็นผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ และการส่งออกที่อาจเผชิญกับการแข่งขันและความท้าทายหลายประการ ปริมาณผลผลิตข้าวโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณอุปทานข้าวโลกเพิ่มขึ้น การนำเข้าข้าวของประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มปรับตัวลดลง

ส่วนหนึ่งเกิดจากความนิยมของการบริโภคข้าวลดลง อาทิ จีน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ทำให้การแข่งขันทางด้านราคารุนแรงขึ้น ขณะที่ไทยมีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูง ทำให้ราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศผู้ผลิตและประเทศผู้ส่งออก เช่น จีน เวียดนาม และอินเดีย

            นอกจากนี้ มีสัญญาณว่าอินโดนีเซียอาจซื้อข้าวน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เพราะมีข้าวค้างสต็อกจากปี 2566 ค่อนข้างมาก ขณะที่จีนมีการผลิตข้าวมากขึ้นและเริ่มปรับเปลี่ยนจากการเป็นผู้นำเข้าข้าวให้เป็นผู้ผลิตข้าวที่เพียงพอต่อการบริโภคของประชากรและอาจส่งออกในอนาคต และอินเดียอาจประกาศยกเลิกการระงับการส่งออกข้าวขาว ทำให้ภาคเอกชนของอินเดียกลับมาส่งออกข้าวได้เสรีตามปกติ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนเป็นความท้าทายต่อการส่งออกข้าวไทย

            นายรณรงค์กล่าวว่า สำหรับแผนการส่งเสริมและผลักดันการส่งออกข้าวไทย จะดำเนินการตามนโยบายของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ความสำคัญกับการรักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ ในการส่งออกไปต่างประเทศ โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมทั้งสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยในการทำงาน เพื่อให้ไปสู่เป้าหมายการส่งออกข้าวที่ได้ตั้งไว้

            โดยมีแผนงานสำคัญ ประกอบด้วยการจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ หรือ Thailand Rice Convention (TRC) 2024 ในเดือน พ.ค.2567 ซึ่งเป็นงานประชุมใหญ่ที่ผู้เชี่ยวชาญในวงการค้าข้าวโลกมาพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ตลาดข้าวโลกและเจรจาธุรกิจระหว่างกัน รวมทั้งจะมีการจัดงาน TRC สัญจร ลงพื้นที่เพื่อให้ข้อมูลแนวโน้มความต้องการข้าวในตลาดโลกแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถผลิตข้าวได้ตรงกับความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น

            ขณะเดียวกัน มีแผนเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์และขยายตลาดข้าวกับแอฟริกาใต้ ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดข้าวที่สำคัญอันดับต้น ๆ ของไทย รวมทั้งการเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับรัฐบาลอินโดนีเซียและจีน และประเทศอื่นที่มีความประสงค์ขอซื้อข้าวในรูปแบบ G to G ตลอดจนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญ และจัด Thai Rice Roadshow ประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดจีนด้วย

            อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการรับมือกับความท้าทายในการขายข้าวให้ประเทศคู่ค้าในประเด็นที่ราคาข้าวไทยสูงกว่าราคาข้าวของประเทศผู้ส่งออกรายอื่น อันเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตที่สูง กรมจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกษตรกร ผู้ส่งออก เร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก โดยพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีผลผลิตต่อไร่สูง ไม่ควรน้อยไปกว่าผลผลิตข้าวต่อไร่ของประเทศผู้ส่งออกอื่น ซึ่งปัจจุบันมีผลผลิตต่อไร่สูงกว่าไทยทั้งสิ้น ประกอบกับพันธุ์ข้าวต้องมีความต้านทานโรคและแมลง เพื่อลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยและการกำจัดแมลง เพราะหากไทยไม่มุ่งเน้นพัฒนาปรับปรุงในเรื่องดังกล่าว จะทำให้ไทยเสียเปรียบในการแข่งขันทางการค้าข้าวในตลาดโลกในที่สุด

 รณรงค์ พูลพิพัฒน์

คต. ปิดบัญชีปี 66 ไทยส่งออกข้าวทะลุเป้า พร้อมกางแผนดันส่งออกปี 67 ขั้นต่ำ 7.5 ล้านตัน

กรมการค้าต่างประเทศสรุปตัวเลขส่งออกปี 2566 ที่ 8.76 ล้านตัน พร้อมคาดการณ์ส่งออกข้าวปี 2567 ที่ 7.5 ล้านตัน จับตาสถานการณ์การผลิตและการค้าข้าวโลก และผลกระทบเอลนีโญ พร้อมเดินหน้าตามแผนส่งเสริมตลาดข้าว โดยมุ่งเน้นประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดต่างประเทศ กระชับความสัมพันธ์และสร้างความเชื่อมั่นกับคู่ค้าสำคัญ รวมทั้งจัดงานประชุมข้าวนานาชาติในไทยที่เว้นว่างจากการจัดตั้งแต่ช่วงโควิด

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยสรุปยอดส่งออกในปี 2566 ส่งออกข้าวได้ 8.76 ล้านตัน เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 8 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 178,136 ล้านบาท (ประมาณ 5,144 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 13.62 และร้อยละ 28.43 ตามลำดับ

กรมการค้าต่างประเทศ ร่วมกับ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดการณ์ร่วมกันว่า การส่งออกข้าวไทยในปี 2567 จะมีปริมาณ 7.5 ล้านตัน โดยปัจจัยต่อการคาดการณ์ตัวเลขดังกล่าว ได้แก่ ผลผลิตข้าวของไทยที่คาดว่าจะลดลงจากปีก่อนร้อยละ 5.87 ซึ่งเป็นผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ และการส่งออกที่อาจเผชิญกับการแข่งขันและความท้าทายหลายประการ

โดยมีปัจจัยจากปริมาณผลผลิตข้าวโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณอุปทานข้าวโลกเพิ่มขึ้น การนำเข้าข้าวของประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งเกิดจากความนิยมของการบริโภคข้าวลดลง อาทิ จีน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ทำให้การแข่งขันทางด้านราคารุนแรงขึ้น ขณะที่ไทยมีต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูงทำให้ราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศผู้ผลิตและประเทศผู้ส่งออก เช่น จีน เวียดนาม และอินเดีย

นอกจากนี้ มีสัญญาณว่าอินโดนีเซียอาจซื้อข้าวน้อยกว่าปีที่ผ่านมาเพราะมีข้าวค้างสต็อกจากปี 2566 ค่อนข้างมาก ขณะที่จีนมีการผลิตข้าวมากขึ้นและเริ่มปรับเปลี่ยนจากการเป็นผู้นำเข้าข้าวให้เป็นผู้ผลิตข้าวที่เพียงพอต่อการบริโภคของประชากรและอาจส่งออกในอนาคต นอกจากนี้ อินเดียอาจประกาศยกเลิกการระงับการส่งออกข้าวขาวฯ ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนของอินเดียกลับมาส่งออกข้าวได้เสรีตามปกติ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวล้วนเป็นความท้าทายต่อการส่งออกข้าวไทย

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวถึงแนวทางการรับมือกับความท้าทายในการขายข้าวให้ประเทศคู่ค้าในประเด็นที่ราคาข้าวไทยสูงกว่าราคาข้าวของประเทศผู้ส่งออกรายอื่นอันเนื่องมาจากต้นทุนการผลิตที่สูง ดังนั้นแล้วจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ไทยต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลกโดยพัฒนาพันธุ์ข้าวให้มีผลผลิตต่อไร่สูงไม่ควรน้อยไปกว่าผลผลิตข้าวต่อไร่ของประเทศผู้ส่งออกอื่น ซึ่งปัจจุบันมีผลผลิตต่อไร่สูงกว่าไทยทั้งสิ้น ประกอบกับพันธุ์ข้าวต้องมีความต้านทานโรคและแมลงเพื่อลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยและการกำจัดแมลง หากไทยไม่มุ่งเน้นพัฒนาปรับปรุงในเรื่องดังกล่าวจะทำให้ไทยเสียเปรียบในการแข่งขันทางการค้าข้าวในตลาดโลกในที่สุด

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการค้าต่างประเทศพร้อมเดินหน้าทำงานใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เพื่อส่งเสริมและผลักดันการส่งออกข้าวไทยตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย ในการ ‘รักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ ในการส่งออกไปต่างประเทศ’

โดยกิจกรรมหลักที่จะจัดขึ้นในปีนี้ ประกอบด้วย การจัดงานประชุมข้าวนานาชาติ “Thailand Rice Convention (TRC) 2024” ในเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งเป็นงานประชุมใหญ่ที่ผู้เชี่ยวชาญในวงการค้าข้าวโลกมาพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ตลาดข้าวโลกและเจรจาธุรกิจระหว่างกัน รวมทั้งจะมีการจัดงาน TRC สัญจร ลงพื้นที่เพื่อให้ข้อมูลแนวโน้มความต้องการข้าวในตลาดโลกแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถผลิตข้าวได้ตรงกับความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ กรมฯ มีแผนเดินทางไปกระชับความสัมพันธ์และขยายตลาดข้าวกับแอฟริกาใต้ ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดข้าวที่สำคัญอันดับต้นๆ ของไทย รวมทั้งการเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับรัฐบาลอินโดนีเซียและจีน รวมถึงประเทศอื่นที่มีความประสงค์ขอซื้อข้าวในรูปแบบ G to G ตลอดจนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญ และจัด Thai Rice Roadshow ประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดจีนด้วย

สำหรับ ข้อมูลใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศพบว่าตั้งแต่วันที่ 1 – 30 มกราคม 2567 มีปริมาณ 1,122,358 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.96 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีปริมาณการขออนุญาตส่งออกข้าวอยู่ที่ 779,654 ตัน

 

Click Donate Support Web  

SME 720x100 66

gpf 720x100 66

CKPower 720x100

MTL 720x100kbank 720x100 66

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100

TVI 720x100

gen 720x100

TOA 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!