- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 25 January 2024 10:09
- Hits: 5098
กรมพัฒน์ฯ จับมือเบอร์ลี่ยุคเกอร์ ซีพีแอ็กซ์ตร้า สหพัฒน์ รวมพลังเสริมแกร่งโชห่วย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจับมือบิ๊กผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย และค้าส่งค้าปลีกรายใหญ่ 3 ราย เบอร์ลี่ยุคเกอร์ ซีพีแอ็กซ์ตร้า และสหพัฒนพิบูล ร่วมมือสร้างโอกาสและพัฒนาศักยภาพร้านโชห่วยไทย 4 แสนราย ให้เติบโตได้อย่างเข้มแข็งและยืดหยัดคู่คนในท้องถิ่น เป็นแหล่งจ้างงาน สร้างอาชีพ เพิ่มรายได้ให้ชุมชน เตรียมร่วมมือใช้จุดแข็งที่แต่ละฝ่ายมีอยู่เสริมแกร่งให้โชห่วย พร้อมดึงบิ๊กธุรกิจรายอื่นเข้าร่วมเพิ่มในอนาคต
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้หารือกับพันธมิตรที่เป็นผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้ค้าส่ง ค้าปลีกรายใหญ่ คือ บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC บริษัท ซีพีแอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO เดิม และบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการร้านโชห่วยในท้องถิ่น
โดยจะร่วมมือกันสร้างโอกาสและพัฒนาศักยภาพให้กับร้านโชห่วยของไทย ให้สามารถเติบโตด้วยความเข้มแข็งและยืนหยัดคู่คนในท้องถิ่น และเป็นกลไกสำคัญของจังหวัดในการเป็นแหล่งจ้างงานระดับภูมิภาค สร้างงาน สร้างอาชีพ และเพิ่มรายได้ให้คนในชุมชน
ทั้งนี้ BJC, MAKRO และสหพัฒน์ ยินดีให้ความร่วมมือกับกรม โดยใช้จุดแข็งของแต่ละบริษัทสนับสนุนองค์ความรู้ที่จำเป็นและเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีอยู่เสริมศักยภาพทุกด้านให้ผู้ประกอบการ โดยจะร่วมกันจัดทำแผนการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม กำหนดช่วงเวลา รูปแบบ และแบ่งกลุ่มผู้ประกอบการให้สอดคล้องกับสถานที่ตั้งร้านและขนาดโชห่วยแต่ละแห่งเพื่อให้ง่ายต่อการเสริมสร้างทักษะองค์ความรู้และส่งต่อเทคโนโลยี โดยมั่นใจว่าจะยกระดับผู้ประกอบการโชห่วยให้เป็นสมาร์ทโชห่วยที่สมบูรณ์ได้
สำหรับ รายละเอียดความร่วมมือ BJC จะร่วมจัดสัมมนาทั้งรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ โดยจัดส่งวิทยากรเข้าร่วมให้ความรู้ผู้ประกอบการด้านการบริหารจัดการร้านค้า รวมถึงการเป็นพันธมิตรโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส ร่วมกันพัฒนาผู้ประกอบการ ส่งเสริมให้ร้านค้าใช้เทคโนโลยี POS เป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการ ด้าน MAKRO จะร่วมจัดสัมมนาออนไลน์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการด้านบัญชี ภาษี การทำประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดีย
และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาร้านค้า สนับสนุนให้มีการจดทะเบียนพาณิชย์หรือนิติบุคคล และพร้อมเป็นสื่อกลางส่งต่อข้อมูลของกรมไปยังร้านค้าโชห่วยที่เป็นสมาชิกของ MAKRO และซีพีแอ๊กซ์ตร้า ยังจะเชิญกรมเข้าร่วมงานและออกบูธให้คำปรึกษา แนะนำ และร่วมเป็นวิทยากร ในงานตลาดนัดโชห่วย ครั้งที่ 14 วันที่ 21-24 มี.ค.2567 ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น (KICE) จ.ขอนแก่น และงานตลาดนัด โชห่วยภูมิภาค ช่วงเดือนพ.ค.-ต.ค.2567 จำนวน 6 ครั้ง 6 ภูมิภาค
ส่วนสหพัฒน์ฯ จะร่วมเป็นวิทยากรในการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการโชห่วยด้านการบริหารจัดการต้นทุนสินค้า การจัดเรียงสินค้าที่ถูกต้องตามหลักสากล และการคัดเลือกสินค้าที่เหมาะสมมาจำหน่ายภายในร้าน การเชิญชวนและคัดกรองผู้ประกอบการเข้าร่วมการพัฒนาภายใต้โครงการพัฒนาร้านค้าต้นแบบและโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส ในปี 2567
รวมทั้งประชาสัมพันธ์กิจกรรมอบรม สัมมนา และหลักสูตร e-Learning ต่างๆ ของกรม เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วย ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ให้แก่ร้านค้า การออกงานแสดงสินค้าและจัดโปรโมชันพิเศษให้แก่ร้านค้าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กรมยังมีแผนที่จะขยายความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรรายอื่นๆ ที่มีความเข้มแข็งแต่ละด้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันได้ทุกตลาดและเติบโตอย่างเป็นระบบ เช่น บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจค้าปลีกอันดับต้นของประเทศ ที่มีทั้งประสบการณ์ องค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรที่จะช่วยพัฒนาธุรกิจค้าส่ง โชห่วย และธุรกิจร้านอาหารของไทยให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน
ที่ผ่านมา กรมมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการร้านค้าส่งค้าปลีกตั้งแต่ขนาดเล็ก ได้แก่ ร้านค้าปลีกรายย่อย หรือร้านค้าโชห่วย ไปจนถึงร้านค้าขนาดกลาง-ใหญ่ ได้แก่ ร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นในระดับอำเภอ จังหวัด โดยมีเป้าหมาย 3 ประการ คือ 1.เพิ่มรายได้ 2.ลดต้นทุน และ 3.สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ และเน้นด้านการส่งเสริมพัฒนาออกเป็น 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 การเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วย จัดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการการสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ทั้งในรูปแบบออนไซต์และออนไลน์
ตลอดจนการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการและหน่วยงานพันธมิตรที่อยู่ในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ด้านที่ 2 พัฒนาร้านค้าให้เป็นสมาร์ทโชห่วย ดำเนินการครอบคลุม 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ โดยบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรดำเนินการพัฒนาด้านการปรับภาพลักษณ์ร้านค้า ตามหลัก 5 ส (สวย สะอาด สว่าง สะดวก สบาย) และด้านการส่งเสริมใช้ระบบ POS
โดยจัดทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ให้ความรู้ในการนำระบบ POS (Point of Sale) มาใช้บริหารจัดการภายในร้าน ด้านที่ 3 การยกระดับร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นให้เป็นร้านค้าต้นแบบ ดำเนินการพัฒนาผู้ประกอบการร้านค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นขนาดกลาง-ใหญ่ในพื้นที่ 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ให้มีมาตรฐานการบริหารจัดการที่ดีตามเกณฑ์ของกรมด้านต่าง ๆ อาทิ การกำหนดทิศทางและกลยุทธ์สู่ความยั่งยืน ลูกค้าและการตลาด สารสนเทศ เทคโนโลยีและนวัตกรรม บุคลากร การจัดซื้อและบริหารจัดการโลจิสติกส์ การบริหารการขาย
ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการค้าส่ง-ค้าปลีก รวมกว่า 400,000 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 370,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เกินกว่า 80% เป็นโชห่วยรายเล็กที่กระจายอยู่ในชุมชน หมู่บ้านต่างๆ ทั่วประเทศ ดังนั้น การพัฒนาผู้ประกอบการร้านโชห่วยให้มีความเข้มแข็ง ทั้งการเสริมทักษะองค์ความรู้ด้านต่างๆ และนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยบริหารจัดการภายในร้านค้า จะทำให้ร้านโชห่วยของไทยได้รับการยกระดับเป็นสมาร์ทโชห่วยที่พร้อมแข่งขันและพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
ก่อนหน้านี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีนโยบายเร่งดำเนินการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส และสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ SMEs พร้อมผลักดันการเพิ่มสัดส่วน GDP SMEs ของไทย จาก 35.2% เป็น 40% ภายในปี 2570 ดังนั้น เป้าประสงค์หลักสำหรับการดำเนินงานของกรมปี 2567 จึงเน้นให้ความสำคัญต่อการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด