- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 02 January 2024 19:11
- Hits: 2280
พาณิชย์ แนะทริกใหม่เจาะตลาดเวียดนาม มุ่งสินค้าธรรมชาติ ใช้โซเชียลเปิดตัว
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ติดตามเทรนด์ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในเวียดนาม พบผู้บริโภคให้ความสนใจสินค้าไฮเอนด์เพิ่มขึ้น สนใจสินค้า ESG และชอบชอปออนไลน์ แนะผู้ประกอบการไทยศึกษาตลาด มุ่งขายสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและออร์แกนิก ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียขายสินค้า เหตุเจาะเข้าสู่ผู้บริโภคได้ง่าย และต้นทุนต่ำ
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.อุษาศรี เขียวระยับ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ เวียดนาม ถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคและการค้าปลีกของเวียดนาม การเติบโตของการค้าออนไลน์ และโอกาสในการส่งออกสินค้าของไทย
โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีกกําลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ทําให้ธุรกิจต่างๆ ต้องเฝ้าติดตามแนวโน้มในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านตัวผลิตภัณฑ์ เทรนด์การตลาด แพลตฟอร์มการจัดจําหน่าย
โดยในด้านตัวสินค้า ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสินค้าระดับไฮเอนด์เพิ่มมากขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์นม ที่มุ่งสู่นมสดออร์แกนิก นมสดกรีนฟาร์ม นมรังนก นมผสมธัญพืช โยเกิร์ตคุณภาพสูง ส่วนสินค้าในกลุ่ม FMCG (Fast Moving Consumer Goods) เช่น ขนมหวาน เครื่องปรุงรส อาหาร และเครื่องสําอาง ก็ยกระดับไปยังกลุ่มไฮเอนด์เช่นกัน
ส่วนเทรนด์การตลาด ได้ให้ความสำคัญกับสินค้าที่ ESG ที่มุ่งด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) โดยผู้บริโภคพร้อมที่จะจ่ายเงินมากขึ้น ขณะที่สินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และออร์แกนิก สินค้าที่ขจัดไขมันทรานส์ และน้ำตาลออก อาหารเพื่อสุขภาพ เป็นสินค้าที่มีศักยภาพ และมีแนวโน้มเติบโตสูง และผู้บริโภคยังชอบรูปแบบการค้าปลีกสมัยใหม่ รูปแบบมินิมอลล์ ที่มีสินค้าและบริการที่จำเป็นอยู่ด้วยกัน เช่น บริการทางการเงิน ยา อาหาร เครื่องดื่ม และโทรคมนาคม
สำหรับ การซื้อของออนไลน์ เป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโต จากการที่ประชากรเข้าถึงสมาร์ทโฟน และอินเทอร์เน็ต และการทำธุรกรรมทางการเงินที่ไม่ใช่เงินสด โดยบริษัท Cimigo ประมาณการไว้ว่าการซื้อของออนไลน์ จะมีมูลค่ามากกว่า 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2565 และรายงานแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของบริษัท Metric แสดงให้เห็นว่ารายได้รวมบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นถึง 46% ส่วนแคมเปญระดับโลกของ TikTok Shop Vietnam พร้อมแฮชแท็ก #Tiktokmademebuyit มียอดวิว 20 พันล้านครั้ง และผู้ใช้ 66% ตัดสินใจซื้อทันทีในแคมเปญ
“การพัฒนาตลาดค้าปลีกของเวียดนามหลังการระบาดของโควิด 19 ไม่เพียงจากการเติบโตของรายได้เฉลี่ยของคนเวียดนามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมการจับจ่ายที่ผู้บริโภคเวียดนามตระหนักถึงการดูแลสุขภาพมากขึ้น และเต็มใจที่จะจ่ายเงินกับผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง หรือผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและออร์แกนิก ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในกลุ่มสินค้าจากธรรมชาติและออร์แกนิก
โดยเฉพาะช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปลายปี 2566 และช่วงวันตรุษเวียดนามต้นปี 2567 เป็นช่วงที่ผู้บริโภคเวียดนามมักจะใช้จ่ายและซื้อของเป็นจำนวนมาก และการขายผ่านช่องทาง Social Media สมัยใหม่ อาทิ Facebook Live และ Tiktok เป็นต้น เป็นเทรนด์ที่มาแรงในเวียดนาม เนื่องจากต้นทุนที่ต่ำกว่าการเปิดหน้าร้าน และสามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นช่องทางอีคอมเมิร์ชที่น่าสนใจของผู้ประกอบการที่ต้องการขยายการค้ามายังตลาดเวียดนาม”นายภูสิตกล่าว