WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

กรรมการ4ชุด

ภูมิธรรม เคาะตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด ขับเคลื่อนการค้าและลงทุนชายแดน

ภูมิธรรม ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการค้าและการลงทุนชายแดนและผ่านแดน นัดแรก เคาะตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด เดินหน้าส่งเสริมการค้าและการลงทุนชายแดน มีเป้าหมายดันมูลค่าการค้า 2 ล้านล้านบาทในปี 70 พร้อมเดินหน้ายกระดับจุดผ่อนปรนเป็นจุดผ่านแดนถาวรอีก 3 แห่ง แก้ความล่าช้าส่งออกด่านพรมแดนแม่สอด นำระบบดิจิทัลมาใช้ออกใบ C/O เผย NEDA เตรียมชง ครม. อนุมัติงบซ่อมถนนสาย R12 อำนวยสะดวกขนส่งสินค้าไทย คาด Quick Win ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ 8 จังหวัด เปิดได้ 25 ธ.ค.นี้

         นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการค้าและการลงทุนชายแดนและผ่านแดน ครั้งที่ 1/2566 ว่า ที่ประชุมได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนการทำงานด้านต่างๆ ในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย

            ตลอดจนแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้านการค้าและการลงทุน ได้แก่ 1.คณะอนุกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า 2.คณะอนุกรรมการยกระดับศักยภาพและการอำนวยความสะดวกของชายแดน และระบบขนส่ง โลจิสติกส์ 3.คณะอนุกรรมการส่งเสริมและใช้ประโยชน์จากกรอบความตกลงและกรอบความร่วมมือต่างๆ และ 4.คณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนเป็น 2 ล้านล้านบาท ในปี 2570

         ทั้งนี้ เป้าหมายการค้าเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาทนั้น ตัวเลขมูลค่าการค้าในแต่ละปี จะเพิ่มขึ้นในอัตราเท่าใด จะมีการประเมินข้อเท็จจริงต่อไป ส่วนตัวเลขเป้าหมายการค้าชายแดนในปี 2567 จะต้องรอตัวเลขภาพรวมของปี 2566 ที่จะได้ประมาณเดือน ม.ค.2567 ออกมาก่อน จากนั้น จะประกาศตัวเลขเป้าหมายที่ชัดเจนอีกครั้ง

         นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาการค้าชายแดนและอำนวยความสะดวกการค้าชายแดน ได้มีการยกระดับจุดผ่อนปรนเป็นจุดผ่านแดนถาวร 3 แห่ง ได้แก่ 1.จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ 2.จุดผ่อนปรนการค้าบ้านห้วยต้นนุ่น จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งจะเร่งเจรจากับฝ่ายเมียนมารับรองผลการสำรวจเขตแดนร่วม (Joint Detail Survey : JDS) ของด่านสิงขร และเร่งจัดทำ JDS ของด่านบ้านห้วยต้นนุ่น และ 3.จุดผ่อนปรนการค้าบ้านซับตารี จ.จันทบุรี ซึ่งล่าสุดได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการยกระดับ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เพื่อแก้ไขข้อจำกัดต่าง ๆให้เดินหน้าได้

         นอกจากนี้ ยังได้แก้ไขปัญหาความล่าช้าในการนำเข้าและส่งออกสินค้า โดยเฉพาะด่านพรมแดนแม่สอด แห่งที่ 2 จ.ตาก ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างจุดเอกซเรย์ด้านนอก และแขวงทางหลวงตากที่ 2 (แม่สอด) ได้กำหนดจุดจอดตรวจสอบเอกสาร และตอนนี้ทางด่านได้เริ่มต้นดำเนินการตั้งแต่ 6 โมงเช้าเป็นต้นไป เพื่อบรรเทาความแออัด ส่วนเรื่องการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) ของประเทศเพื่อนบ้าน ได้มีการเอาระบบดิจิทัลมาช่วย แต่ยังมีบางประเทศที่ยังติดขัด โดยได้รับการแก้ไขแล้ว 5 ประเทศได้แก่ กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย สปป.ลาว และเมียนมา ที่เหลืออยู่ คือ ฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข

            ส่วนการขอสนับสนุนงบประมาณปรับปรุงเส้นทาง R12 (นครพนม-คำม่วน-นำเพ้า) ใน สปป.ลาว ซึ่งสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ สพพ. หรือ NEDA อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา อนุมัติงบประมาณในการปรับปรุงเส้นทาง ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์ในการส่งออกไปยังเวียดนามและจีน โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและผลไม้

         นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกระทรวงพาณิชย์ ทำการจัดตั้งศูนย์บริการค้าชายแดนเบ็ดเสร็จจุดเดียว (One Stop Service : OSS) ใน 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ตาก ตราด สงขลา หนองคาย นครพนม มุกดาหาร และอุดรธานี คาดว่าจะแถลงความสำเร็จการดำเนินการได้ประมาณวันที่ 25 ธ.ค.2566 นี้

         นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่อง One Stop Service ภาคเอกชนดีใจและขอบคุณทางภาครัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายภูมิธรรม และกรมการค้าต่างประเทศที่ทำให้ Quick Win เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ เพราะจะช่วยลดทั้งเรื่องเวลา ค่าใช้จ่าย ลดการรอคอย และสินค้าเกษตรจะได้อานิสงส์อย่างมาก ในเรื่องความสดและการส่งมอบถึงมือลูกค้าเร็วขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการขยายอย่างต่อเนื่องต่อไป

         ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ แจ้งว่า ตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน ในช่วง 10 เดือน ปี 2566 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่า 1,451,068 ล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 825,248 ล้านบาท และการนำเข้ามูลค่า 625,820 ล้านบาท โดยไทยได้ดุลการค้า 199,427 ล้านบาท 

 

Click Donate Support Web 

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

SME 720x100 66

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

QIC 720x100

TOA 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

kbank 720x100 66

ธกส 720x100PTG 720x100

ใจฟู720x100px

gen 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!