- Details
-
Category: พาณิชย์
-
Published: Wednesday, 29 November 2023 09:03
-
Hits: 2106
ส่งออก ต.ค.66 เพิ่ม 8% บวก 3 เดือนติด ขยายตัวสูงสุดในรอบ 13 เดือน
พาณิชย์”เผยส่งออก ต.ค.66 มีมูลค่า 23,578.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 8% เป็นบวกต่อเนื่อง 3 เดือนติด และขยายตัวสูงสุดในรอบ 13 เดือน สินค้าเกษตร เพิ่ม 12.3% อุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 5.9% และสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 5.4% คาดอีก 2 เดือนที่เหลือ ยังจะส่งออกได้เพิ่มขึ้น ทำยอดทั้งปีติดลบเหลือ 1% จากช่วง 10 เดือน ติดลบ 2.7%
นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน ต.ค.2566 มีมูลค่า 23,578.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8% เป็นบวกต่อเนื่อง 3 เดือนติดต่อกัน และสูงสุดในรอบ 13 เดือน นับจากเดือนก.ย.2565 เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 841,365.8 ล้านบาท การนำเข้ามีมูลค่า 24,411.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.2% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 881,124.2 ล้านบาท ขาดดุลการค้ามูลค่า 832.3 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 39,758.4 ล้านบาท
รวมการส่งออก 10 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่า 236,648.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 2.7% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 8,109,765.6 ล้านบาท นำเข้ามูลค่า 243,313.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 4.6% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 8,439267.8 ล้านบาท ขาดดุลการค้า มูลค่า 6,665.0 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 329,502.1 ล้านบาท
สำหรับ การส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 9.3% ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน โดยสินค้าเกษตร เพิ่ม 12.3% ขยายตัวต่อเนื่อง 3 เดือน และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 5.9% ขยายตัวต่อเนื่อง 2 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ข้าว เพิ่ม 37.7% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่ม 4.8% ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง เพิ่ม 44.6% อาหารสุนัขและแมว เพิ่ม 5.5% ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เพิ่ม 20% ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เพิ่ม 9.6% สิ่งปรุงรสอาหาร เพิ่ม 29.4% ผักกระป๋องและผักแปรรูป เพิ่ม 19.4% ส่วนสินค้าสำคัญที่ลดลง เช่น ยางพารา ลด 5.4% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ลด 5.6% ไก่แปรรูป ลด 2.2% น้ำตาลทราย ลด 24.9% ทั้งนี้ 10 เดือนของปี 2566 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ลด 1%
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 5.4% สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 9% อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) เพิ่ม 8.7% เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 15.1% อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เพิ่ม 27.3% หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เพิ่ม 38.5% ส่วนสินค้าสำคัญที่ลดลง เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ลด 4.2% แผงวงจรไฟฟ้า ลด 4.6% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ลด 34.2% รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ลด 19.5% ทั้งนี้ 10 เดือนของปี 2566 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ลด 2.8%
ทางด้านการส่งออกไปยังหลายตลาดสำคัญมีสัญญาณการฟื้นตัว โดยตลาดหลัก เพิ่ม 5.1% โดยตลาดสหรัฐฯ เพิ่ม 13.8% จีน เพิ่ม 3.4% และอาเซียน (5) เพิ่ม 16.5% ส่วนญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (27) และ CLMV ลด 1.1% 1.4% และ 9.7% ตามลำดับ ตลาดรอง เพิ่ม 10.6% โดยขยายตัวในตลาดเอเชียใต้ 7.2% ทวีปออสเตรเลีย 13.7% แอฟริกา 24.5% ลาตินอเมริกา 8.6% และรัสเซียและกลุ่ม CIS 77.2% ส่วนตะวันออกกลางและสหราชอาณาจักร ลด 3% และ 11.4% ขณะที่ตลาดอื่นๆ เพิ่ม 109.6% เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 135.1%
นายกีรติ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลืออีก 2 เดือน คือ พ.ย.-ธ.ค.2566 คาดว่าจะยังขยายตัวเป็นบวกได้ และจะทำให้การส่งออกของไทยในปีนี้ ติดลบน้อยลงจากปัจจุบันที่ 10 เดือน ติดลบ 2.7% โดยคาดว่าจะติดลบประมาณ 1% หรือ 1% นิดๆ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าที่หลายสำนักได้คาดการณ์เอาไว้ แต่จะให้กลับมาเป็นบวก คงยาก เพราะได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะการร่วมมือกับภาคเอกชนในการบุกเจาะตลาด การแก้ไขปัญหาทางการค้า ทำให้การส่งออกฟื้นตัวดีขึ้นมาได้ต่อเนื่อง
ส่วนเป้าหมายการส่งออกปี 2567 เบื้องต้นได้กำหนดไว้ที่ประมาณ 2% หลังจากที่ได้มีการหารือร่วมกับภาคเอกชน และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกแล้ว แต่ตัวเลขที่เป็นเป้าหมายจริง ต้องรอผลการส่งออกที่เหลืออีก 2 เดือนออกมาก่อน น่าจะประกาศได้ประมาณเดือนม.ค.2567
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ได้ส่งผลต่อการส่งออกอย่างเห็นได้ชัด ทำให้การส่งออกเป็นบวกมาได้ 3 เดือนติดต่อกันแล้ว และเอกชนก็มั่นใจว่าการส่งออกอีก 2 เดือนที่เหลือ จะเป็นบวกได้ต่อเนื่อง และดีขึ้นไปจนถึงปีหน้า โดยคาดว่าการส่งออกไตรมาส 4 น่าจะบวกได้ถึง 7% ทำให้ยอดทั้งปีเหลือติดลบ 1%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การส่งออกเดือน ต.ค.2566 ที่เพิ่มขึ้น 8% เป็นการกลับมาเป็นบวกต่อเนื่องติดต่อกัน 3 เดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ การส่งออกติดลบต่อเนื่องมาแล้ว 10 ติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือน ต.ค.2565 ที่ลดลง 4.2% พ.ย.2565 ลด 5.6% ธ.ค.2565 ลด 14.3% ม.ค.2566 ลด 4.6% ก.พ.2566 ลด 4.8% มี.ค.ลด 4.2% เม.ย.2566 ลด 7.7% พ.ค.ลด 4.6% มิ.ย. ลด 6.5% ก.ค.ลด 6.2% และกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในเดือนส.ค.2566 ที่ 2.6% ก.ย. เพิ่ม 2.1%
ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนตุลาคม และ 10 เดือนแรกของปี 2566
การส่งออกของไทยในเดือนตุลาคม 2566 มีมูลค่า 23,578.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (841,366 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 8.0 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 5.4 การส่งออกของโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยการส่งออกของไทยในเดือนนี้ขยายตัวมากกว่าที่คาดและมากกว่าหลายประเทศในอาเซียน มีสัญญาณฟื้นตัวในหลายสินค้าสำคัญที่กลับมาเป็นบวกหรือหดตัวชะลอลง อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์
เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารสัตว์เลี้ยง เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน ฯลฯ ด้วยแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ทยอยฟื้นตัวในช่วงเทศกาลปลายปี อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั่วโลกเริ่มลดลง แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ในระดับสูง แต่เริ่มมีสัญญาณใกล้ยุติมาตรการคุมเข้มทางการเงินโดยเฉพาะสหรัฐฯ ในขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของจีนเริ่มส่งผล โดยตัวเลขการบริโภคและการลงทุนของจีนเริ่มฟื้นตัวขึ้น สำหรับสถานการณ์อิสราเอลและฮามาสยังคงอยู่ในวงจำกัดจึงยังไม่กระทบต่อการส่งออกภาพรวม ทั้งนี้ การส่งออกไทย 10 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 2.7 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวร้อยละ 0.6
มูลค่าการค้ารวม
มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ
เดือนตุลาคม 2566 การส่งออก มีมูลค่า 23,578.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขยายตัวร้อยละ 8.0 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 24,411.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.2 ดุลการค้า ขาดดุล 832.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาพรวม 10 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออก มีมูลค่า 236,648.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 2.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 243,313.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.6 ดุลการค้า 10 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 6,665.0 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท
เดือนตุลาคม 2566 การส่งออก มีมูลค่า 841,366 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 881,124 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.9 ดุลการค้า ขาดดุล 39,758 ล้านบาท ภาพรวม 10 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออก มีมูลค่า 8,109,766 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 2.6 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 8,439,268 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 4.7 ดุลการค้า 10 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 329,502 ล้านบาท
การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป
การส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ดำเนินงานที่สำคัญในรอบเดือนที่ผ่านมา อาทิ
1 - การเจรจาเพื่อสนับสนุน SMEs ไทยรุกตลาดสินค้าเกษตรในญี่ปุ่น โดยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมหารือกับประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JETRO เพื่อร่วมมือผลักดันศักยภาพ SMEs ไทย และผลักดันการนำเข้าสินค้าเกษตรของไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกล้วยหอมทอง
2 - การสนับสนุนนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก ผ่านโครงการส่งเสริมนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก ปี 2566 ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่จากทั่วประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ พัฒนาแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับ ยกระดับสินค้าไทย ให้ตอบสนองความต้องการของตลาดสากล โดยสามารถสร้างนักออกแบบไทยที่มีศักยภาพแล้วกว่า 744 ราย แบรนด์สินค้าที่เข้าร่วมแล้วกว่า 60 แบรนด์
3 - มาตรการสนับสนุนการระบายสต๊อกน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นกลไกรับมือกับปัญหาสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ด้วยการช่วยค่าบริหารจัดการระบายสต๊อกส่วนเกิน 2 บาท/กิโลกรัม โดยมีเป้าหมายที่ 2 แสนตัน พร้อมติดตามสถานการณ์การผลิต การส่งออก และการบริโภคในประเทศให้มีความสมดุลทุกภาคส่วน รวมทั้งประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อวางแผนรองรับได้ทันท่วงที
สำหรับมาตรการขับเคลื่อนการส่งออกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2566
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้ทำแผนเร่งด่วน (Quick Win) เพื่อผลักดันการส่งออก โดยจะดำเนินกิจกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวม 73 กิจกรรม คาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้กว่า 12,400 ล้านบาท กิจกรรมสําคัญ เช่น การจัดเจรจาธุรกิจออนไลน์ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การจัดคณะผู้แทนการค้าไปเยือนงานแสดงสินค้า China International Import Expo (CIIE 2023) ที่นครเซี่ยงไฮ้ การนําผู้ประกอบการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เช่น Automechanika ที่ดูไบ American Film Market ที่สหรัฐฯ Anuga และ Medica ที่เยอรมนี รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้า TOP Thai บนแพลตฟอร์ม Shopee ในมาเลเซีย และ Rakuten ในญี่ปุ่น เป็นต้น
แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป
กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า การส่งออกในช่วงสุดท้ายของปีจะขยายตัวเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง สอดรับกับแรงกดดันด้านราคาที่ค่อย ๆ ลดลง เนื่องจากเงินเฟ้อที่ชะลอตัว และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส ที่หากขยายวงกว้างอาจจะกระทบต่อราคาน้ำมันและต้นทุนการขนส่ง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อบรรยากาศการค้าโลกที่กำลังกลับมาฟื้นตัว
ข้อมูลฉบับเต็ม: ในคอมเมนต์ด้านล่าง.
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจการค้าก่อนใครที่
LINE: @TPSO.tradeinsights
Website : tpso.go.th
Click Donate Support Web