- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 14 October 2023 18:32
- Hits: 2422
สนค.วิเคราะห์ตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก พบสินค้าไทย 3 กลุ่ม มีโอกาสขยายตลาด
สนค.วิเคราะห์ตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (PA) พบสินค้าไทย 3 กลุ่ม มีโอกาสเจาะและขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น เผยอุปกรณ์และส่วนประกอบโทรศัพท์ และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นสินค้าดาวเด่น อาหารทะเลกระป๋องและเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นสินค้าที่มีศักยภาพ อาหารสุนัขและแมวและเหล็กและเหล็กกล้า มีโอกาสสูง แต่ไทยยังเข้าสู่ตลาดได้น้อย
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้วิเคราะห์ตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก (Pacific Alliance : PA) 4 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก ชิลี เปรู และโคลอมเบีย เพื่อหาโอกาสสำหรับการเปิดตลาดใหม่เพิ่มเติมตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้เน้นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง
แต่ยังมีมูลค่าการค้ากับไทยไม่มากนัก โดยพบว่า กลุ่ม PA เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคลาตินอเมริกา มูลค่า GDP ของกลุ่มประเทศ PA คิดเป็นสัดส่วน 42.9% ของ GDP รวมของภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียน ซึ่งถือว่ามีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ของโลก จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ส่งออกไทยที่จะหาโอกาสขยายการค้าได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ผลการศึกษา ยังพบอีกว่า ในปี 2565 ชิลี เป็นประเทศที่มีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในกลุ่มประเทศกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกอยู่ที่ 15,356 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าไทย 2.2 เท่า กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกมีจำนวนประชากรมากกว่าไทย 3.3 เท่า โดยเม็กซิโก เป็นประเทศมีประชากรมากที่สุดในกลุ่มประเทศ PA ซึ่งประชากรคิดเป็น 55% ของประชากรทั้งหมดในกลุ่มประเทศ
(กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกมีประชากรรวม 233 ล้านคน) สำหรับการค้าระหว่างประเทศ แหล่งนำเข้าสำคัญของกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก 3 ลำดับแรก คือ อเมริกา จีน และบราซิล โดยไทยเป็นแหล่งนำเข้าลำดับที่ 15 คิดเป็น 1.15% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันไทยส่งออกไปยังตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกได้ไม่มาก แต่สินค้าไทยยังมีโอกาสเข้าถึงตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกได้อีก โดยจากข้อมูลการส่งออกของไทย 8 เดือนของปี 2566 (ม.ค-ส.ค.) ไปยังกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก มีมูลค่ารวม 2,837 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 2.9% คิดเป็น 1.5% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดจากไทยไปโลก
โดยตลาดส่งออกหลัก คือ เม็กซิโก ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 80% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดจากไทยไปกลุ่มประเทศ PA ตลาดส่งออกรองลงมา คือ ชิลี เปรู และโคลอมเบีย ตามลำดับ โดยมีสินค้าส่งออกหลัก เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อุปกรณ์และส่วนประกอบโทรศัพท์ เป็นต้น
สำหรับ ในระยะต่อไป สนค. มองว่าไทยมีสินค้าศักยภาพหลายรายการที่มีโอกาสเจาะตลาดในกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกได้เพิ่มเติม โดยสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกเพิ่มเติม แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ สินค้าดาวเด่น เป็นสินค้าส่งออกหลักของไทยในกลุ่มประเทศกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกที่มีแนวโน้มเติบโตดี สะท้อนว่าตลาดยังมีความต้องการ
โดยในช่วง 8 เดือนของปี 2566 ไทยส่งออกอุปกรณ์และส่วนประกอบโทรศัพท์ สัดส่วน 6.4% ของสินค้าส่งออกไทยไปกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกทั้งหมด เพิ่มขึ้น 206.2% และส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ สัดส่วน 5.6% เพิ่มขึ้น 18.8% โดยในปี 2565 ไทยครองส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์และส่วนประกอบโทรศัพท์ ในตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกอยู่ที่ 0.6% และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ที่ 4.9% ซึ่ง สนค. มองว่าสินค้าดังกล่าวยังมีโอกาสขยายการส่งออกและขยายส่วนแบ่งตลาดได้อีก
สินค้าศักยภาพ เป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพ แต่มีส่วนแบ่งของไทยในตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกต่ำกว่าส่วนแบ่งของไทยในตลาดโลก ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋อง ซึ่งในปี 2565 ไทยครองส่วนแบ่งในตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกอยู่ที่ 14% เปรียบเทียบกับส่วนแบ่งของไทยในตลาดโลกที่ 16.9% ขณะที่การส่งใน ช่วง 8 เดือนของปี 2566 เพิ่มขึ้น 53.3% และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ไทยครองส่วนแบ่งในตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกอยู่ที่ 1.8% เปรียบเทียบกับส่วนแบ่งของไทยในตลาดโลกที่ 12.7% ขณะที่การส่งออกในช่วง 8 เดือนของปี 2566 เพิ่มขึ้น 39.1%
สินค้าแนะส่งเสริม เป็นสินค้าที่ตลาดมีความต้องการ แต่กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกยังนำเข้าจากไทย ค่อนข้างน้อย หรือมูลค่าการนำเข้าจากไทยมีไม่ต่อเนื่อง จึงเป็นสินค้าไทยที่แนะนำให้เข้าไปเปิดตลาดใหม่ ได้แก่ อาหารสุนัขและแมว และเหล็กและเหล็กกล้า แต่การเข้าสู่ตลาดใหม่ในสินค้าดังกล่าวเป็นเรื่องที่ท้าทายทั้งจากคู่แข่งทางการค้าเดิมที่มีส่วนแบ่งตลาดค่อนข้างสูง และมาตรฐานสินค้าในกลุ่มประเทศที่ค่อนข้างสูงกว่ากลุ่มประเทศอื่น
“ตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกเป็นหนึ่งในตลาดที่น่าจับตามอง แต่ไทยยังมีการค้ากับประเทศเหล่านี้ค่อนข้างน้อย ไทยยังมีโอกาสเข้าสู่ตลาดนี้ได้อีกมาก และไทยมีสินค้าที่มีศักยภาพหลายรายการที่สามารถเข้าไปเจาะตลาดกลุ่มนี้ได้เพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบัน การส่งออกสินค้าจากไทยไปยังกลุ่มประเทศ PA เป็นสินค้าอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมด (มากกว่า 95% ของมูลค่าการส่งออกจากไทยไปยังกลุ่มประเทศ PA) แต่จากการวิเคราะห์ เห็นว่าไทยก็มีศักยภาพที่เจาะตลาดสินค้าเกษตรแปรรูปและอาหารด้วย
โดยเฉพาะสินค้าอาหารทะเลกระป๋อง และอาหารสุนัขและแมว ซึ่งการวิเคราะห์โอกาสทางการค้านี้ เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ส่งออกไทยมองเห็นศักยภาพและโอกาสของตลาดใหม่ในกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกได้ชัดเจนขึ้น ไม่เพียงแค่นั้น กระทรวงพาณิชย์ยังมีแผนที่จะเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก ซึ่งจะช่วยขยายโอกาสในการส่งออกสินค้าไทย โดยเฉพาะกับเม็กซิโก และโคลอมเบีย ที่ยังไม่มีความตกลง FTA กับไทย” นายพูนพงษ์กล่าว
สนค. แนะคว้าโอกาสตลาดส่งออกใหม่สู่กลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)เปิดเผยว่า สนค. ด้วิเคราะห์ตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก 4 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก ชิลี เปรู และโคลอมเบีย เพื่อหาโอกาสสำหรับการเปิดตลาดใหม่เพิ่มเติมตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์
โดยเน้นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง แต่ยังมีมูลค่าการค้ากับไทยไม่มากนัก จึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ส่งออกไทยที่จะหาโอกาสขยายการค้าในตลาดใหม่ รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก ถือเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคลาตินอเมริกาที่มีมูลค่า GDP ของกลุ่มประเทศ
PA คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 42.9 ของ GDP รวมของภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ของโลก ทั้งนี้ สนค. วิเคราะห์สินค้าไทยที่มีโอกาสในการเจาะตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิกด้วย
Data Analytics Dashboard บนเว็บไซต์ คิดค้http://xn--g4c.com/ พบว่า 'อุปกรณ์และส่วนประกอบโทรศัพท์'และ 'หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ' เป็นสินค้าเด่นในตลาดกลุ่มพันธมิตรแปซิฟิก'อาหารทะเลกระป๋อง' และ'เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ' เป็นสินค้าศักยภาพ พร้อมแนะให้เปิดตลาด'อาหารสุนัขและแมว'และ 'เหล็กและเหล็กกล้า' เป็นสินค้าที่มีความต้องการสูง แต่ไทยเข้าถึงตลาดได้น้อย
💾 ข้อมูลฉบับเต็ม: ในคอมเมนต์ด้านล่าง
ขอขอบคุณข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลเศรษฐกิจการค้า (ศศ.)
ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจการค้าก่อนใครที่
📌 LINE: @TPSO.tradeinsights
📌 Website : tpso.go.th