- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 26 August 2023 19:01
- Hits: 2601
ส่งออกก.ค.66 ลบ 6.2% 7 เดือน ลด 5.5% คาดไตรมาส 4 ฟื้น ลุ้นเป้า 1-2% เริ่มยาก
พาณิชย์ เผยส่งออก ก.ค.66 มีมูลค่า 24,143.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 6.2% สินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรม ยังลดต่อเนื่อง รวม 7 เดือน ลบ 5.5% ลุ้นไตรมาส 4 เห็นแววส่งออกรายเดือนพลิกเป็นบวก ส่วนทั้งปี ยังขอลุ้นเป้าทำงาน 1-2% ต่อ แม้โอกาสเริ่มยาก
นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนก.ค.2566 มีมูลค่า 22,143.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 6.2% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 764,444 ล้านบาท การนำเข้ามีมูลค่า 24,121 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 11.1% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 842,842.7 ล้านบาท ขาดดุลการค้ามูลค่า 1,977.8 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 78,398.7 ล้านบาท
รวมการส่งออก 7 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 163,313.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 5.5% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 5,554,796.3 ล้านบาท นำเข้ามูลค่า 171,598.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลด 4.7% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 5,910,357.1 ล้านบาท ขาดดุลการค้า มูลค่า 8,285.3 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 355,560.8 ล้านบาท
สำหรับ การส่งออกที่ลดลง มาจากการลดลงของสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 9.6% หดตัวต่อเนื่อง 3 เดือน โดยสินค้าเกษตร ลด 7.7% และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ลด 11.8% โดยสินค้าที่หดตัว เช่น ยางพารา ลด 37.8% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ลด 12.9% น้ำตาลทราย ลด 30.3% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ลด 7.7% ไก่แปรรูป ลด 11.4% ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ ลด 62.8% ส่วนสินค้าที่เพิ่มขึ้น เช่น ข้าว เพิ่ม 18.8% สิ่งปรุงรสอาหาร เพิ่ม 17.8% ผักกระป๋องและผักแปรรูป เพิ่ม 17.2% นมและผลิตภัณฑ์นม เพิ่ม 27.9% ไข่ไก่สด เพิ่ม 92.9%
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม ลด 3.4% สินค้าสำคัญที่ลด เช่น สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ลด 28.8% เครื่องคอมพิวเตอร์ อปกรณ์และส่วนประกอบ ลด 24.2% ผลิตภัณฑ์ยาง ลด 6.2% ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม ลด 24% ส่วนสินค้าที่เพิ่ม เช่น รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ เพิ่ม 24.6% เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 40.5% อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เพิ่ม 82.9% หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เพิ่ม 29.4% รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เพิ่ม 10.8% ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ เพิ่ม 15.9%
ทางด้านการส่งออกไปตลาดสำคัญ ตลาดหลัก ลด 9.6% จากการลดลงของตลาดจีน 3.2% ญี่ปุ่น 1.7% อาเซียน 5 ประเทศ ลด 18.3% CLMV ลด 26.5% และสหภาพยุโรป ลด 6.6% แต่สหรัฐ เพิ่ม 0.9% ตลาดรอง เพิ่ม 0.8% โดยทวีปออสเตรเลีย เพิ่ม 2.4๔ ตะวันออกกลาง เพิ่ม 8.2% แอฟริกา เพิ่ม 3.1% ลาตินอเมริกา เพิ่ม 14.8% รัสเซียและกลุ่ม CIS เพิ่ม 39.2% และสหราชอาณาจักร เพิ่ม 5.8% แต่เอเชียใต้ ลด 5.6% ส่วนตลาดอื่นๆ เพิ่ม 66.8% เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 64.9%
ขณะที่การค้าชายแดนและผ่านแดน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในตัวเลขการส่งออกรวม เดือน ก.ค.2566 การค้ารวมมีมูลค่า 131,223 ล้านบาท ลด 15.51% แยกเป็นการส่งออก มูลค่า 75,426 ล้านบาท ลด 12.96% และนำเข้า มูลค่า 55,797 ล้านบาท ลด 18.74% เกินดุลการค้า 19,629 ล้านบาท โดยส่งออกชายแดน ไปมาเลเซีย เมียนมา และกัมพูชาลดลง
แต่ส่งออกไป สปป.ลาว เพิ่ม และการส่งออกผ่านแดนไปจีน เพิ่มขึ้น แต่สิงคโปร์และเวียดนามลดลง ส่วนยอดรวม 7 เดือน การค้ารวม มูลค่า 1,026,242 ล้านบาท ลด 0.44% เป็นการส่งออก 593,347 ล้านบาท เพิ่ม 0.13% และนำเข้า 432,895 ล้านบาท ลด 1.22% เกินดุลการค้า 160,452 ล้านบาท
นายกีรติ กล่าวว่า การส่งออกเดือนก.ค. มีมูลค่า 24,121 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 6.2% ส่วนหนึ่งเพราะฐานปีก่อนสูง แต่หากดูมูลค่า ก็ไม่ถือว่าแย่ เมื่อเทียบยอดเฉลี่ยการส่งออกของเดือน ก.ค. ตั้งแต่ปี 2561-65 ที่เฉลี่ย 21,333 ล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ไทยดีกว่าหมด อย่างอินโดนีเซีย ติดลบ 18% เกาหลีใต้ ลบ 16.4% อินเดีย ลบ 15.9% มาเลเซีย ลบ 15.8% สิงคโปร์ ลบ 14.6% จีน ลบ 14.5% ไต้หวัน ลบ 10.4%
ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเดินหน้าผลักดันการส่งออกอย่างเต็มที่ เพื่อให้ถึงเป้าทำงาน 1-2% โดยถ้าจะไม่ให้การส่งออกติดลบ เดือนที่เหลือต้องส่งออกเฉลี่ย 24,800 ล้านเหรียญสหรัฐ จะขยายตัว 0% แต่ถ้าเพิ่มเป็นเฉลี่ยเดือนละ 25,100 ล้านเหรียญสหรัฐ จะขยายตัว 0.5% ถามว่ายากหรือไม่ ก็ต้องพยายาม
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ถ้าดูฐานปีที่แล้ว ไตรมาส 4 มีโอกาสที่การส่งออกจะกลับมาเป็นบวกได้
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกไตรมาสที่ 4 ยังมีตัวแปรเยอะมาก แต่มองว่าเป็นบวกแน่ ส่วนยอดรวมทั้งปี เดิมสภาฯ คาดว่าจะติดลบ 0.5% แต่หากประเมินตอนนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะลบมากกว่านี้ ถ้าเศรษฐกิจโลกยังชะลอตัว เศรษฐกิจคู่ค้าไม่เป็นใจ มีโอกาสที่จะติดลบ 1% ส่วนจะพลิกกลับมาเป็นบวก เป็นไปได้น้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การส่งออกเดือน ก.ค.2566 ที่ลดลง 6.2% เป็นการส่งออกติดลบต่อเนื่องมาเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือน ต.ค.2565 ที่ลดลง 4.2% พ.ย.2565 ลด 5.6% ธ.ค.2565 ลด 14.3% ม.ค.2566 ลด 4.6% ก.พ.2566 ลด 4.8% มี.ค.ลด 4.2% เม.ย.2566 ลด 7.7% พ.ค.ลด 4.6% มิ.ย. ลด 6.5%
ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนกรกฎาคม และ 7 เดือนแรกของปี 2566 🚢✈️🌏📊
การส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2566 มีมูลค่า 22,143.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (764,444 ล้านบาท) หดตัวร้อยละ 6.2 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวร้อยละ 2.0 ผลของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ของโลกลดต่ำลงมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในยูเครน ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องชะลอลงอย่างมาก ประกอบกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในหลายภูมิภาค และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน
ส่งผลให้การบริโภคชะลอตัว อีกทั้ง จีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกฟื้นตัวช้าลงจากกำลังซื้อในประเทศที่หดตัวจากการขาดความเชื่อมั่นทางธุรกิจ อย่างไรก็ดี จากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านอาหารของโลก ส่งผลให้การส่งออกสินค้าอาหารเติบโตได้ดี โดยเฉพาะข้าว ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง และสุกรสด แช่เย็น แช่แข็ง
ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมของไทยมีสัญญาณที่ดีจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า โซลาร์เซลล์ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ยางรถยนต์ และเครื่องจักรกล เป็นต้น ทั้งนี้ การส่งออกไทย 7 เดือนแรกของปี 2566 หดตัวร้อยละ 5.5 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย หดตัวร้อยละ 2.3
📊 มูลค่าการค้ารวม
💰มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ
เดือนกรกฎาคม 2566 การส่งออก มีมูลค่า 22,143.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 6.2 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 24,121.0 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 11.1 ดุลการค้า ขาดดุล 1,977.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภาพรวม 7 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออก มีมูลค่า 163,313.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 5.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 171,598.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัวร้อยละ 4.7 ดุลการค้า 7 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 8,285.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
💰มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท
เดือนกรกฎาคม 2566 การส่งออก มีมูลค่า 764,444 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 7.7 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 842,843 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 12.5 ดุลการค้าขาดดุล 78,399 ล้านบาท ภาพรวม 7 เดือนแรกของปี 2566 การส่งออก มีมูลค่า 5,554,796 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 3.8 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 5,910,357 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 3.1 ดุลการค้า 7 เดือนแรกของปี 2566 ขาดดุล 355,561 ล้านบาท
📊 การส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ และแนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป
💠 การส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเชิงรุกเพื่อผลักดันและอำนวยความสะดวกการส่งออก โดยการดำเนินงานที่สำคัญในรอบเดือนที่ผ่านมา อาทิ
1 - กิจกรรมการนำคณะผู้แทนการค้าเยือนภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยมีผู้แทนภาคเอกชนในอุตสาหกรรมกลุ่มสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์และวัสดุก่อสร้าง และอาหารแปรรูป เดินทางไปเยือนประเทศอาร์เจนตินา ชิลี และบราซิล เพื่อขยายตลาดส่งออกตามกลยุทธ์ในการบุกเจาะตลาดเป็นรายภูมิภาค และรายคลัสเตอร์
2 - การเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง โดยมีการตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ของเอลนิโญ และประเมินผลกระทบทั่วโลกที่จะกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรของไทย โดยเฉพาะกรณีที่อินเดียประกาศมาตรการห้ามส่งออกข้าวขาว เพื่อประเมินสถานการณ์และสร้างความมั่นใจว่า อาหารไทยเพียงพอบริโภคในประเทศและเหลือเพียงพอสำหรับการส่งออก
3 - คณะผู้แทนของกระทรวงพาณิชย์เดือนทางเยือนลาว โดยได้เข้าพบผู้บริหารโครงการท่าบก ท่านาแล้ง หารือการเชื่อมโยงใช้ประโยชน์เส้นทางรถไฟ พร้อมทั้งผลักดันการใช้สิทธิ FTA เพื่อการส่งออก รวมทั้งหารือกับภาคเอกชนไทยถึงโอกาสการขยายการค้า โดยเฉพาะผลไม้ไทยและธุรกิจกาแฟที่ลาว ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกใหญ่เป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคอาเซียน
💠 แนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป
กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า การส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าการส่งออกจะได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว การผลิตและการบริโภคชะลอลง ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า และความผันผวนของค่าเงิน แต่คาดว่าฐานที่ต่ำในช่วงปลายปี ภาคบริการของประเทศคู่ค้าที่ฟื้นตัว
และอานิสงส์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีน ทำให้คู่ค้าหันมานำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางตัวจากไทยทดแทนตลาดจีนมากขึ้น ขณะเดียวกัน การส่งออกสินค้าในหมวดอาหารที่เป็นสินค้าจำเป็น มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยหลายประเทศเพิ่มการนำเข้าเพื่อรักษาความมั่นคงทางด้านอาหาร และการขนส่งที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเส้นทางใหม่ผ่าน รถไฟไทย-ลาว-จีน จะช่วยเพิ่มโอกาสการส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ได้อีกทางหนึ่งด้วย
ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการแถลงข่าวเพิ่มเติมได้ที่
💾🔽 https://tpso.go.th/international-trade