- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 25 July 2023 19:52
- Hits: 2487
พาณิชย์ ถกผู้ผลิต ห้าง ยัน'นมพร้อมดื่ม' ไม่ขาด ปริมาณลดบ้าง เหตุเป็นช่วงพักเต้า
กรมการค้าภายในประชุมร่วมผู้ผลิตนม ห้างค้าส่งค้าปลีก ห้างท้องถิ่น ประเมินสถานการณ์นมพร้อมดื่ม พบปริมาณลดลง เหตุช่วง ก.ค.-ก.ย. ของทุกปี เป็นช่วงพักเต้า นมสดพาสเจอร์ไรส์มีผลกระทบบ้าง ส่วนนมพร้อมดื่ม ไม่มีปัญหาการขาดแคลน คาดสถานการณ์เป็นปกติ ต.ค. เหมือนปีที่ผ่านๆ มา
ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้ประชุมหารือกับผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นม ห้างค้าปลีกค้าส่ง และห้างท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์การจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่ม หลังปรากฏข่าวขณะนี้ผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มในท้องตลาดมีปริมาณลดลง โดยพบว่า ระหว่างเดือน ก.ค.-ก.ย. ของทุกปี เป็นช่วงชะลอการรีดนมวัด หรือพักเต้า (Dry Cow) หลังจากที่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมได้รีดนมโคมาจนถึงช่วงที่แม่โคใกล้จะคลอด เพื่อรักษาสุขภาพของแม่โคและความสามารถในการให้น้ำนมโค ซึ่งทำให้ปริมาณน้ำนมดิบเข้าสู่โรงงานแปรรูปในช่วงนี้ลดลงไปบ้าง ในขณะที่ปริมาณการบริโภคยังคงทรงตัว
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำนมดิบที่ลดลง ส่วนใหญ่จะส่งผลกระทบเฉพาะในส่วนของนมสดพาสเจอร์ไรส์เป็นหลัก ขณะที่นมสดยูเอชที ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดกว่าร้อยละ 50 ของการบริโภคผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มทั้งหมด แทบจะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยผู้ผลิตส่วนใหญ่ยังคงสามารถผลิตและจำหน่ายได้ตามปกติ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่ม จึงไม่ขาดแคลน
อย่างไรก็ตาม ในการหารือ กรมได้ขอความร่วมมือห้างในการบริหารจัดการสต็อก และเติมสินค้าบนชั้นวางอย่างสม่ำเสมอ โดยกรมจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป คาดว่า ปริมาณน้ำนมดิบจะกลับสู่ภาวะปกติในช่วงเดือน ต.ค. เช่นเดียวกับปีที่ผ่าน ๆ มา
สำหรับ สถานการณ์ด้านราคา กรมยังไม่มีการอนุญาตให้ปรับขึ้นราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มในขณะนี้ และยังพบว่า หลายห้างมีการจัดโปรโมชันลดราคาอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่หากหลังจากนี้ มีการประกาศปรับราคารับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและราคารับซื้อหน้าโรงงานแปรรูป ซึ่งจะต้องผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อน กรมก็พร้อมที่จะพิจารณาราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มให้ตามสัดส่วนต้นทุนน้ำนมดิบที่สูงขึ้นต่อไป เพื่อให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นม สามารถดำเนินการต่อไปได้ สินค้ามีปริมาณเพียงพอ และผู้บริโภคได้รับผลกระทบน้อยที่สุด