- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 25 December 2014 18:58
- Hits: 2370
หวั่นน้ำมันฉุดส่งออกปีหน้า พาณิชย์ขู่ฟ่อคุมเข้มฉวยขึ้นราคาสินค้าปีใหม่
บ้านเมือง : พาณิชย์ห่วงราคาน้ำมันร่วง กระทบการส่งออกอาจขยายตัวไม่ถึง 4% ตามเป้าหมาย เตรียมเชิญเอกชนหารือ ผลกระทบจากน้ำมันต้นเดือน ม.ค.58 ขณะที่ไฟเขียวต่างชาติลงทุนในไทย 47 ราย มีเงินลงทุนเกือบ 3,000 ล้านบาท
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าต้นเดือนมกราคม 2558 กรมฯ เตรียมเชิญภาคเอกชนรายอุตสาหกรรมมาหารือถึงผลกระทบจากราคาน้ำมันโลกที่ลดลง รวมทั้งให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกทำรายงานสถานการณ์การส่งออกสินค้าไทยแต่ละตลาดเข้ามาภายในเดือนมกราคม เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาและทบทวนแผนการส่งออกปี 2558 ใหม่ เพราะยอมรับว่าราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลงส่งผลต่อกำลังซื้อประเทศในกลุ่มที่ส่งออกน้ำมัน เช่น รัสเซีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และเวเนซุเอลา ซึ่งล้วนเป็นตลาดใหม่ที่ไทยกำลังเจาะตลาดและอาจทำให้การส่งออกไปประเทศเหล่านี้ชะลอตัวลงได้
ทั้งนี้ ยอมรับว่าราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลงแรง ทำให้ต้องทำงานหนักขึ้นกว่าปีนี้ เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงใหม่ที่นอกเหนือการคาดการณ์ไว้ เดิมคาดการณ์ราคาน้ำมันไว้ที่ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงต่ำกว่า 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ดังนั้น จึงกระทบเป้าหมายการส่งออกปีหน้าที่คาดว่าจะขยายตัว 4% ลดลงได้ แต่ตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกาเริ่มดีขึ้น ส่วนสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่นเศรษฐกิจยังชะลอตัว ทำให้มีการนำเข้าลดลง ขณะที่ประเทศจีน เศรษฐกิจยังขยายตัวได้ดี แต่มีนโยบายลดการพึ่งพาการส่งออก ทำให้การขายสินค้าไปจีนต้องเน้นกลุ่มสินค้าที่เหมาะแก่การบริโภคภายในประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ โดยเฉพาะราคายางพารา ดังนั้น ต้องพยายามสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น รวมทั้งเร่งทำการตลาดกับกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปลายปีหน้า
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทั้งในส่วนกลางและสำนักงานค้าภายในจังหวัดทั่วประเทศออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการตามแหล่งท่องเที่ยวรวมทั้งสถานีขนส่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อป้องกันร้านค้าผู้ให้บริการและร้านอาหารสำเร็จรูปในพื้นที่ที่ประชาชนต้องมาใช้บริการในการเดินทางกลับบ้านหรือท่องเที่ยวจำนวนมากด้วยการปรับขึ้นราคาสินค้าโดยเฉพาะสถานีขนส่ง ทั้งสถานีขนส่งหมอชิต สายใต้ใหม่ และสถานีรถไฟหัวลำโพง
โดยทางกรมฯ จำเป็นต้องเข้าไปดูแลเพื่อไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและค่าบริการต่างๆ ที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคโดยได้มีการส่งสายตรวจออกไปตรวจสอบในช่วงเทศกาลอย่างต่อเนื่อง
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมคณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทย 47 ราย ซึ่งเป็นคนต่างด้าวที่ยื่นขออนุญาตครั้งแรก 23 ราย ทั้งนี้ การอนุญาตทำให้คนต่างด้าวต้องนำเงินเข้ามาลงทุนในการประกอบธุรกิจ 2,922 ล้านบาท และมีการจ้างงานคนไทย 1,110 คน สำหรับธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่มและบริษัทคู่ค้า 33 ราย มีเงินลงทุน 2,853 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่นสิงคโปร์ เยอรมนี ฮ่องกง อิตาลี ลักเซมเบิร์ก อิสราเอล และสวีเดน, ธุรกิจ สำนักงานผู้แทน 9 ราย มีเงินลงทุน 27 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และฮ่องกง, ธุรกิจนายหน้าตัวแทน 3 ราย มีเงินลงทุน 30 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่นและฮ่องกง, ธุรกิจค้าปลีก 1 ราย มีเงินลงทุน 3 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากประเทศเยอรมนี และธุรกิจบริการทางวิศวกรรม 1 ราย มีเงินลงทุน 9 ล้านบาท เป็นคนต่างด้าวจากประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ เดือนธันวาคม 2557 จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 16 ราย คิดเป็น 52% และเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 1,547 ล้านบาท คิดเป็น 113% เนื่องจากเดือนธันวาคม 2557 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจบริการด้านการประกันภัยซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันกับปีก่อน ปรากฏว่าจำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้น 4 ราย คิดเป็น 9% และเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 1,810 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 16%
อย่างไรก็ตาม ปี 2557 คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทยแล้ว 432 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 64,438 ล้านบาท
พาณิชย์ สั่งประเมินผลกระทบราคาน้ำมันร่วง หวั่นทำยอดส่งออกปี 58 หลุดเป้า
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมฯ วิเคราะห์ข้อมูล และแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลว่าจะมีผลต่อการส่งออกสินค้าไทยอย่างไร ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ โดยเบื้องต้นพบว่า ประเทศที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันจะได้รับผลกระทบทำให้กำลังซื้อลดลง และกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยเฉพาะตลาดรัสเซีย ตะวันออกกลาง บางประเทศในลาตินอเมริกาอย่างเวเนซูเอลา เป็นต้น ซึ่งต้องปรับแผนการส่งออกเพื่อรับมือต่อไป
"อย่างตลาดรัสเซีย แม้จะมีข้อจำกัดที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันลดลง ทำให้กำลังซื้อลดลง แต่ก็มีโอกาส เพราะตอนนี้รัสเซียมีปัญหากับสหรัฐฯ และยุโรป ที่แซงก์ชั่นรัสเซีย จึงเป็นโอกาสของไทยในการส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและปศุสัตว์ ซึ่งกรมฯ ได้เชิญให้รัสเซียมาเลือกซื้อสินค้าไทยแล้ว คาดว่าจะมีโอกาสส่งออกมากขึ้น โดยผู้ส่งออกต้องติดตามค่าเงินรัสเซียที่อ่อนค่าลงไปมาก แม้รัสเซียจะนำเข้าเท่าเดิม แต่จะรู้สึกว่าของแพงขึ้น ซึ่งผู้ส่งออกไทยต้องวางแผนรับมือให้ดี" นางนันทวัลย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงจะมีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประเทศที่ส่งออกน้ำมันเป็นหลัก และอาจทำให้การส่งออกของไทยไปประเทศผู้ส่งออกน้ำมันได้รับผลกระทบ แต่การที่ราคาน้ำมันลดลงก็ส่งผลดีทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของโลกปรับตัวดีขึ้น ซึ่งการส่งออกของไทยก็จะได้รับผลดีตามไปด้วย แต่กรมฯ จะนัดหารือกับภาคเอกชน ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) อีกครั้งในต้นปี 58 เพื่อประเมินแนวโน้มการส่งออกว่าจะมีทิศทางใด เพราะปีหน้า มีปัจจัยเสี่ยงมาก ทั้งราคาน้ำมัน ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ตกต่ำ โดยเฉพาะยางพารา รวมถึงเศรษฐกิจของคู่ค้าหลายๆ ประเทศยังไม่ฟื้นตัวดี เช่น ยุโรปและญี่ปุ่น
"ช่วงเดือนพฤศจิกายน 57 เรากำหนดเป้าหมายการส่งออกปี 58 ยังไม่ได้นำผลกระทบของราคาน้ำมันที่ลดลงมาคิดรวมด้วย ตอนนั้นน้ำมันโลกอยู่ที่ประมาณ 90 เหรียญฯต่อบาร์เรล จึงได้กำหนดเป้าหมายมูลค่าการส่งออกปี 58 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 4% จากปีนี้ แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันโลกลดลงมากก็อาจจะทำให้การส่งออกของไทยไปประเทศผู้ส่งออกน้ำมันลดลงด้วย แต่จะทำให้เป้าหมายการส่งออกของไทยลดลงเท่าไร ขณะนี้ยังประเมินไม่ได้ ต้องหารือกับภาคเอกชนอีกครั้งก่อน" นางนันทวัลย์ กล่าว
อินโฟเควสท์