WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ภูสิต รัตนกุล

พาณิชย์ ชี้เป้าส่งออก 'เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และมีน้ำตาลต่ำ'ขายตลาดโรมาเนีย

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และมีน้ำตาลต่ำมีโอกาสขายตลาดโรมาเนีย หลังผลสำรวจพบผู้บริโภคหันมานิยมมากขึ้นเหตุดีต่อสุขภาพระบุเครื่องดื่มสมุนไพร ชา น้ำผลไม้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของไทยมีโอกาสทำตลาดแนะศึกษากฎระเบียบ และนำสินค้าเปิดตัวในงานแสดงสินค้า

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.ฐะปะนีย์ เครื่องประดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี

ถึงโอกาสในการขยายตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และมีน้ำตาลต่ำในตลาดโรมาเนีย ที่ขณะนี้มีแนวโน้มเติบโตดีในปี 2566 โดยเฉพาะในกลุ่มน้ำดื่มบรรจุขวด น้ำอัดลม หัวน้ำเชื้อ น้ำผลไม้ กาแฟพร้อมดื่ม ชาพร้อมดื่ม เครื่องชูกำลัง และเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬา

ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้รายงานเพิ่มเติมว่า น้ำดื่มบรรจุขวดและน้ำอัดลมยังเป็นตัวเลือกเครื่องดื่มยอดนิยมในโรมาเนีย แต่ผลกระทบจากราคาพลังงานที่กระทบต่อต้นทุนสินค้าและราคาขาย ทำให้น้ำอัดลมที่มีราคาสูง เริ่มไม่เป็นที่นิยม ขณะที่เครื่องดื่มชูกำลังแบบน้ำตาลน้อย น้ำดื่มผสมวิตามินประเภท Functional Drink เครื่องดื่มเกลือแร่ และน้ำผลไม้ 100% เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมองว่าหากจะต้องจ่ายมากขึ้นแล้วก็จะเลือกสินค้าที่ดีต่อสุขภาพและใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทน อีกทั้งผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพและตระหนักถึงผลกระทบของการเลือกบริโภคที่มีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2566 ที่ผ่านมา รัฐบาลโรมาเนียได้ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับกลุ่มธุรกิจ HoReCa เช่น โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ และธุรกิจจัดเลี้ยง จาก 5% เป็น 9% ส่งผลให้เครื่องดื่มที่มีรสหวานที่จำหน่ายโดยผู้ประกอบการธุรกิจ HoReCa มีราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการหันไปผลิตเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ เช่น เครื่องดื่มน้ำตาลต่ำหรือปราศจากน้ำตาล เครื่องดื่มเสริมเกลือแร่ เครื่องดื่มชูกำลังมากขึ้น

และตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มต้องเก็บค่าธรรมเนียมมัดจำขวดเครื่องดื่มพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และกระป๋องเครื่องดื่มที่ทำจากอะลูมิเนียมในอัตรา 0.50 เลย์ (ประมาณ 0.1 ยูโร หรือ 3.75 บาท) ต่อเครื่องดื่ม 1 ขวดหรือ 1 ใบ ซึ่งจะกระทบต่อราคาที่ผู้บริโภคต้องจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5 เลย์ต่อสินค้าเครื่องดื่ม 1 รายการ

นายภูสิต กล่าวว่า จากแนวโน้มความต้องการเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลต่ำ และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในตลาดโรมาเนียดังกล่าว กรมฯ มองว่า เป็นโอกาสทางการค้าที่น่าสนใจสำหรับสินค้าไทย ประเภทเครื่องดื่มสมุนไพร น้ำชา น้ำผลไม้พร้อมดื่ม และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่จะเข้าไปทดลองทำตลาดโรมาเนีย แต่ในการเข้าสู่ตลาด ผู้ประกอบการไทยต้องศึกษากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อนพิจารณาส่งออกมายังโรมาเนีย

 เช่น ระเบียบทั่วไปว่าด้วยอาหาร (General Food Law) ของสหภาพยุโรป (Regulation (EC) No 178/2002 of 28 January 2002) ระเบียบว่าด้วยฉลากสินค้าอาหาร (Regulation (EC) No. 1169/2011) ระเบียบว่าด้วยบรรจุภัณฑ์ และของเสียที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ (Directive 94/62/EC) ระเบียบว่าด้วยสุขอนามัยอาหาร ในส่วนที่เกี่ยวข้องการจัดการอาหารที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ (Commission Regulation (EU) 2021/382) เป็นต้น

นอกจากนี้ ต้องศึกษาด้านอัตราภาษี โดยผู้ประกอบการจะต้องตรวจสอบว่าสินค้าของตนอยู่ภายใต้พิกัดศุลกากร (Harmonized Code) ประเภทใด แล้วนำข้อมูลดังกล่าวไปตรวจสอบอัตราศุลกากรในเว็บไซต์สำนักงานศุลกากรของสหภาพยุโรป ทั้งนี้ โรมาเนียเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป จึงจะใช้อัตราอากรเหมือนกันกับประเทศสมาชิกอื่นๆ ในสหภาพยุโรป ทว่าจะมีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่น ประเทศโรมาเนียกำหนด VAT สินค้าเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็น 19% ตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้น

ส่วนประเด็นอื่นๆ ต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) จากกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อใช้ในการรับรองสินค้าของผู้ส่งออกว่าส่งออกมาจากประเทศใด และปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎที่ว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า รวมถึงขอหนังสือรับรองผลิตภัณฑ์ (Certificate of Free Sale) และใบอนุญาตการผลิตและจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

และด้านคุณภาพสินค้า ต้องพิจารณาการใช้สารกันบูดหรือวัตถุเจือปนอาหาร โดยศึกษาข้อมูลได้จากระเบียบสหภาพยุโรป เช่น Regulation (EC) No 178/2022 ว่าด้วยความปลอดภัยของอาหารและการใช้สารกันเสีย (Preservative) ในผลิตภัณฑ์อาหาร และสินค้าที่ส่งออกมาตลาดสหภาพยุโรป ควรมีอายุอย่างน้อย 5 ปี เพราะต้องเผื่อเวลาขนส่ง และการเก็บในโกดัง

สำหรับ การสำรวจตลาดเครื่องดื่มของไทยในตลาดกรุงบูคาเรสต์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ทูตพาณิชย์รายงานว่า  ร้านขายสินค้าเอเชียในกรุงบูคาเรสต์มีการจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำผลไม้พร้อมดื่มบรรจุกระป๋องยี่ห้อ FOCO และมีร้านขายเครื่องดื่มประเภทน้ำหวานชงและชานมไข่มุก 2 ร้าน ที่บริหารโดยผู้ประกอบการไทยที่อาศัยอยู่ในกรุงบูคาเรสต์ ได้แก่ ร้าน Zebra Cat และร้าน Dolly Bubble Cha Thai

ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้ประกอบการไทย ทราบว่าชาไทยและน้ำหวานชงที่ใช้สินค้าแบรนด์ไทย เช่น Hell’s Blue Boy เป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวโรมาเนีย ทว่าผู้ประกอบการอาจจะต้องปรับลดปริมาณความหวาน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคชาวโรมาเนียมากขึ้น

ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการเครื่องดื่มของไทย ต้องการขยายตลาดสินค้าในกรุงบูคาเรสต์ โรมาเนีย ขอให้พิจารณาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าด้านอาหารและเครื่องดื่มที่น่าสนใจจำนวน 2 งาน ที่มีกำหนดจัด ณ ศูนย์ประชุม ROMEXPO กรุงบูคาเรสต์ในปี 2566 ได้แก่ 1.Indagra Food 2023 ระหว่างวันที่ 25-29 ต.ค.2566 และ 2.Foodservice & Hospitality Expo 2023 ระหว่างวันที่ 4-6 พ.ย.2566

 

พาณิชย์-DITP เผย'เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และมีน้ำตาลต่ำ' มีโอกาสขายโรมาเนีย

 

          กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และมีน้ำตาลต่ำมีโอกาสขายตลาดโรมาเนีย หลังผลสำรวจพบผู้บริโภคหันมานิยมมากขึ้นเหตุดีต่อสุขภาพระบุเครื่องดื่มสมุนไพร ชา น้ำผลไม้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของไทยมีโอกาสทำตลาดแนะศึกษา กฎระเบียบ และนำสินค้าเปิดตัวในงานแสดงสินค้า

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.ฐะปะนีย์ เครื่องประดิษฐ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี

ถึงโอกาสในการขยายตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์และมีน้ำตาลต่ำในตลาดโรมาเนีย ที่ขณะนี้มีแนวโน้มเติบโตดีในปี 2566 โดยเฉพาะในกลุ่มน้ำดื่มบรรจุขวด น้ำอัดลม หัวน้ำเชื้อ น้ำผลไม้ กาแฟพร้อมดื่ม ชาพร้อมดื่ม เครื่องชูกำลัง และเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬา

ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ได้รายงานเพิ่มเติมว่า น้ำดื่มบรรจุขวดและน้ำอัดลมยังเป็นตัวเลือกเครื่องดื่มยอดนิยมในโรมาเนีย แต่ผลกระทบจากราคาพลังงานที่กระทบต่อต้นทุนสินค้าและราคาขาย ทำให้น้ำอัดลมที่มีราคาสูง เริ่มไม่เป็นที่นิยม

ขณะที่เครื่องดื่มชูกำลังแบบน้ำตาลน้อย น้ำดื่มผสมวิตามินประเภท Functional Drink เครื่องดื่ม เกลือแร่ และน้ำผลไม้ 100% เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมองว่าหากจะต้องจ่ายมากขึ้นแล้วก็จะเลือกสินค้าที่ดีต่อสุขภาพและใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทน อีกทั้งผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพและตระหนักถึงผลกระทบของการเลือกบริโภคที่มีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา รัฐบาลโรมาเนียได้ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับกลุ่มธุรกิจ HoReCa เช่น โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ และธุรกิจจัดเลี้ยง จาก 5% เป็น 9% ส่งผลให้เครื่องดื่มที่มีรสหวานที่จำหน่ายโดยผู้ประกอบการธุรกิจ HoReCa มีราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการหันไปผลิตเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ เช่น เครื่องดื่มน้ำตาลต่ำหรือปราศจากน้ำตาล เครื่องดื่มเสริมเกลือแร่ เครื่องดื่มชูกำลังมากขึ้น

และตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มต้องเก็บค่าธรรมเนียมมัดจำขวดเครื่องดื่มพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และกระป๋องเครื่องดื่มที่ทำจากอะลูมิเนียมในอัตรา 0.50 เลย์ (ประมาณ 0.1 ยูโร หรือ 3.75 บาท) ต่อเครื่องดื่ม 1 ขวดหรือ 1 ใบ ซึ่งจะกระทบต่อราคาที่ผู้บริโภคต้องจ่ายเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5 เลย์ต่อสินค้าเครื่องดื่ม 1 รายการ

นายภูสิต กล่าวว่า จากแนวโน้มความต้องการเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลต่ำ และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในตลาดโรมาเนียดังกล่าว กรมฯ มองว่า เป็นโอกาสทางการค้าที่น่าสนใจสำหรับสินค้าไทย ประเภทเครื่องดื่มสมุนไพร น้ำชา น้ำผลไม้พร้อมดื่ม และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่จะเข้าไปทดลองทำตลาดโรมาเนีย แต่ในการเข้าสู่ตลาด

ผู้ประกอบการไทยต้องศึกษากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อนพิจารณาส่งออกมายังโรมาเนีย เช่น ระเบียบทั่วไปว่าด้วยอาหาร (General Food Law) ของสหภาพยุโรป (Regulation (EC) No 178/2002 of 28 January 2002) ระเบียบว่าด้วยฉลากสินค้าอาหาร (Regulation (EC) No. 1169/2011) ระเบียบว่าด้วยบรรจุภัณฑ์ และของเสียที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ (Directive 94/62/EC) ระเบียบว่าด้วยสุขอนามัยอาหาร ในส่วนที่เกี่ยวข้องการจัดการอาหารที่อาจทำให้เกิดอาการแพ้ (Commission Regulation (EU) 2021/382) เป็นต้น

นอกจากนี้ ต้องศึกษาด้านอัตราภาษี โดยผู้ประกอบการจะต้องตรวจสอบว่าสินค้าของตนอยู่ภายใต้พิกัดศุลกากร (Harmonized Code) ประเภทใด แล้วนำข้อมูลดังกล่าวไปตรวจสอบอัตราศุลกากรในเว็บไซต์สำนักงานศุลกากรของสหภาพยุโรป ทั้งนี้ โรมาเนียเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป จึงจะใช้อัตราอากรเหมือนกันกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป ทว่าจะมีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่น ประเทศโรมาเนียกำหนด VAT สินค้าเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเป็น 19% ตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้น

ส่วนประเด็นอื่นๆ ต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) จากกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อใช้ในการรับรองสินค้าของผู้ส่งออกว่าส่งออกมาจากประเทศใด และปฏิบัติได้ถูกต้องตามกฎที่ว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า รวมถึงขอหนังสือรับรองผลิตภัณฑ์ (Certificate of Free Sale) และใบอนุญาตการผลิตและจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

และด้านคุณภาพสินค้า ต้องพิจารณาการใช้สารกันบูดหรือวัตถุเจือปนอาหาร โดยศึกษาข้อมูลได้จากระเบียบสหภาพยุโรป เช่น Regulation (EC) No 178/2022 ว่าด้วยความปลอดภัยของอาหารและการใช้สารกันเสีย (Preservative) ในผลิตภัณฑ์อาหาร และสินค้าที่ส่งออกมาตลาดสหภาพยุโรป ควรมีอายุอย่างน้อย 5 ปี เพราะต้องเผื่อเวลาขนส่ง และการเก็บในโกดัง

สำหรับ การสำรวจตลาดเครื่องดื่มของไทยในตลาดกรุงบูคาเรสต์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ทูตพาณิชย์รายงานว่า ร้านขายสินค้าเอเชียในกรุงบูคาเรสต์มีการจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำผลไม้พร้อมดื่มบรรจุกระป๋องยี่ห้อ FOCO และมีร้านขายเครื่องดื่มประเภทน้ำหวานชงและชานมไข่มุก 2 ร้าน ที่บริหารโดยผู้ประกอบการไทยที่อาศัยอยู่ในกรุงบูคาเรสต์ ได้แก่ ร้าน Zebra Cat และร้าน Dolly Bubble Cha Thai

ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้ประกอบการไทย ทราบว่าชาไทยและน้ำหวานชงที่ใช้สินค้าแบรนด์ไทย เช่น Hell’s Blue Boy เป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวโรมาเนีย ทว่าผู้ประกอบการอาจจะต้องปรับลดปริมาณความหวาน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคชาวโรมาเนียมากขึ้น

ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการเครื่องดื่มของไทย ต้องการขยายตลาดสินค้าในกรุงบูคาเรสต์ โรมาเนีย ขอให้พิจารณาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าด้านอาหารและเครื่องดื่มที่น่าสนใจจำนวน 2 งาน ที่มีกำหนดจัด ณ ศูนย์ประชุม ROMEXPO กรุงบูคาเรสต์ในปี 2566 ได้แก่ 1.Indagra Food 2023 ระหว่างวันที่ 25-29 ตุลาคม 2566 และ 2.Foodservice & Hospitality Expo 2023 ระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2566

สำหรับ ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169

 

Click Donate Support Web  

CKPower 720x100

MTL 720x100

kasat 720x100TOA 720x100

QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!