- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 24 December 2014 22:24
- Hits: 2295
เอกชน 34 รายแห่ยื่นซอง ประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลลอต 4 คึกคัก
แนวหน้า : ประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาลลอต 4 คึกคัก เอกชน 34 ราย แห่ชิง สรุปเบื้องต้นมีผู้ชนะ 21 ราย รวม 2.46 แสนตัน พาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกข้าวปีนี้ 10.7 ล้านตัน มองปีหน้าผลผลิตข้าวทั่วโลกลดลงดันราคาดีขึ้น ด้านเอกชนแนะรัฐปรับปรุงวิธีการขายให้รวดเร็วทันตลาด คาดปี’58 การแข่งขันยังรุนแรง ไทยส่งออกได้แค่ 10 ล้านตัน
กระทรวงพาณิชย์เปิดประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 4/2557 จำนวน 400,100 ตัน มีภาคเอกชนยื่นซองเสนอราคาถึง 34 ราย ผลการประมูลเบื้องต้น พบว่ามีผู้ชนะการประมูล 21 ราย รวมปริมาณ 246,000 ตัน จากปริมาณที่เปิดประมูลรวม 400,100 ตันส่วนข้าวที่เหลือ 150,000 ตัน จะเจรจาต่อรองให้ผู้ประกอบการเสนอราคาใหม่ เพราะยังไม่ผ่านราคาเกณฑ์ขั้นต่ำ หรือฟลอร์ไพรส์ และบางรายเสนอราคาตรงกัน
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า พอใจการเปิดประมูลข้าวลอตนี้ เนื่องจากยังได้รับความสนใจจากภาคเอกชนเข้ามายื่นซองเสนอราคาจำนวนมาก เชื่อว่าจะระบายได้เกือบทั้งหมด เพราะการเสนอราคายังไม่สิ้นสุด โดยคาดว่าเดือนมกราคม 2558 จะเปิดระบายได้ แต่จะต้องประเมินสถานการณ์ตลาดตามความเหมาะสมอีกครั้ง โดยกรมการค้าต่างประเทศจะประกาศผลการประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐอย่างเป็นทางการให้ผู้ชนะการประมูลทราบภายหลัง หลังได้รับความเห็นชอบจากประธานคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.)
ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศเปิดประมูลข้าวสารสต๊อกรัฐบาลปริมาณ 398,346 ตัน แบ่งเป็นปลายข้าวเอวันเลิศ 330,000 ตัน ส่วนที่เหลือเป็นข้าวขาว 15% ข้าวเหนียว 10% และข้าวขาว 25% โดยเป็นข้าวที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2554/2555 นาปรัง 2555 ข้าวเปลือกฤดูกาล 2555/2556 และ 2556/2557 ซึ่งข้าวที่นำมาประมูลทั้งหมดเป็นข้าวคุณภาพดีผ่านการตรวจสอบแล้ว และจากการประมูลข้าวทั้ง 3 รอบที่ผ่านมาขายข้าวได้แล้ว 348,000 ตัน มูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,600 ล้านบาท
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ภาพรวมการส่งออกข้าวไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ 10.7 ล้านตัน หรือคิดเป็นมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในแง่ปริมาณเพิ่มขึ้น 29% ส่วนมูลค่าเพิ่มขึ้น 60% และปี 2558 คาดว่าการส่งออกข้าวของไทยจะได้ปริมาณใกล้เคียงกับปี 2557 หรือสูงถึง 10.7 ล้านตัน แต่มูลค่าจะเพิ่มเป็น 5,200-5,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการประเมินสถานการณ์ข้าวโลก รวมถึงข้าวไทย ปีหน้าจะลดลงจากปัญหาภัยธรรมชาติและภัยแล้ง ทำให้การเพาะปลูกโดยเฉพาะข้าวนาปรัง ช่วงปลายปีหน้าจะปริมาณไม่สูง ทำให้ผลผลิตไม่เพิ่มขึ้น แต่ความต้องการข้าวในตลาดยังมีสูง ทำให้เชื่อว่าไทยจะระบายข้าวได้แน่นอน ขณะที่ ผลผลิตข้าวในประเทศ ปี 2558 คาดว่าจะอยู่ที่ 35 ล้านตัน ข้าวเปลือกต่ำกว่าปี 2557 ที่มีปริมาณสูงถึง 37 ล้านตันข้าวเปลือก
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ให้ความเห็นว่า ในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่และตรุษจีนความต้องการข้าวเก่าจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดแอฟริกา และตลาดในประเทศไทยเองก็มีความต้องการเช่นกัน จึงน่าจะเป็นเหตุผลให้การประมูลข้าวของรัฐบาลครั้งที่ 4 รอบนี้คึกคัก อีกทั้งยังทำให้ราคาข้าวเก่าในตลาดช่วงนี้สูงกว่าข้าวใหม่ โดยข้าวขาวเก่าขายกันในราคา 13,500 บาทต่อตัน ส่วนข้าวใหม่ขายในราคาประมาณ 12,600 ต่อตัน และมองว่าหลังจากรอบนี้รัฐบาลน่าจะเปิดประมูลขายได้อีก 1 รอบ
การส่งออกข้าวไทยปีนี้น่าจะทำได้เกือบ 11 ล้านตันขณะนี้ทำได้แล้ว 10.2 ล้านตัน ซึ่งไทยส่งออกได้มาก เนื่องจากราคาข้าวของเวียดนามสูงกว่าไทย ส่วนเป้าหมายส่งออกข้าวปีหน้าไทยน่าจะส่งออกได้ 10 ล้านตัน เนื่องจากการแข่งขันยังคงรุนแรง จากปริมาณผลผลิตของคู่แข่ง เช่น เวียดนาม อินเดีย ที่จะมีผลผลิตออกมามาก และสต๊อกของไทยเองก็ยังสูงถึงกว่า 17 ล้านตัน ทำให้แนวโน้มราคาข้าวปีหน้า ยากที่จะสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะจะเพิ่มในระดับ 50-100 เหรียญสหรัฐต่อตันยกเว้นสภาพอากาศที่ปัญหาแล้งจัด จนผลผลิตเสียหาย
ส่วนนโยบายระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลในปีหน้าควรปรับปรุงวิธีการการขายให้รวดเร็วขึ้นให้ทันกับความต้องการของตลาด เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการขาย หากตลาดต้องการข้าวชนิดใด ก็ให้เปิดประมูลขายข้าวชนิดนั้น ให้ทันกับสถานการณ์ เนื่องจากปีนี้การระบายผ่านการประมูลยังล่าช้า ซึ่งภาคเอกชน จะลงมาช่วยให้คำปรึกษากับรัฐบาลมากขึ้น อีกทั้งรัฐบาลจะต้องแยกแยะข้าวให้มีความชัดเจนมากขึ้น ระหว่างข้าวที่คุณภาพดี และข้าวเสียหากเป็นข้าวเสีย จะต้องทำลายออกจากระบบ เพื่อให้ตลาดได้รับรู้ว่า ปริมาณข้าวในสต๊อกรัฐลดลง ซึ่งจะทำให้มีผลต่อราคาข้าวในตลาด ที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกข้าวไทยขณะนี้ คือ อัตราแลกเปลี่ยน จากเงินบาทที่อ่อนค่าช้ากว่า ประเทศคู่แข่ง รวมทั้งปัจจัยราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโลก ที่อาจจะกระทบต่อกำลังซื้อได้
