- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 26 May 2023 18:34
- Hits: 1937
พาณิชย์ ผนึกกำลังภาคเอกชน ปรับกลยุทธ์ดันส่งออกครึ่งหลัง 66 ลุ้นปีนี้เข้าเป้า 1-2%
ปลัดพาณิชย์ ถกทูตพาณิชย์ พาณิชย์จังหวัด ภาคเอกชน ประเมินสถานการณ์การส่งออกครึ่งปีหลัง 66 และปรับกลยุทธ์ผลักดันส่งออก เคาะ 350 กิจกรรม เจาะตลาดเป้าหมาย 7 ภูมิภาค คาดทำเงินเข้าประเทศได้เพิ่มขึ้น 19,250 ล้านบาท มั่นใจเป้าส่งออกปีนี้ที่ตั้งไว้ 1-2% มีโอกาสเป็นไปได้ ด้านเอกชนหนุน เชื่อทำได้ แม้ก่อนหน้า จะประเมินไม่ขยายตัวจนถึงติดลบ หลังร่วมกันทำงาน
นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติงานแก่ทูตพาณิชย์จากทั่วโลก ร่วมกับพาณิชย์จังหวัด และผู้แทนภาคเอกชน ว่า ได้มีการประเมินสถานการณ์แนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 และได้ร่วมกันจัดทำแผนขับเคลื่อนการส่งออก เพื่อผลักดันให้เป้าหมายการส่งออกในปีนี้ ที่ตั้งไว้ที่ 1-2% ซึ่งเป็นเป้าทำงานให้เป็นไปได้ตามเป้า โดยจะเพิ่มกิจกรรมเจาะตลาดเป้าหมายรวม 7 ภูมิภาค จำนวน 350 กิจกรรม คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้กว่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 19,250 ล้านบาท
โดยกิจกรรมที่จะดำเนินการ มีทั้งเปิดตลาดใหม่ รักษาตลาดเดิม และฟื้นฟูตลาดเก่า ด้วยกลยุทธ์สำคัญ เช่น การเร่งจัดคณะผู้แทนการค้าเพื่อขยายตลาดศักยภาพ การส่งเสริมการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดน การจับคู่เจรจาธุรกิจทั้งออฟไลน์และออนไลน์ การผลักดันการส่งออกสินค้า BCG และสินค้านวัตกรรมใหม่ การส่งเสริมธุรกิจบริการมูลค่าสูง โดยเฉพาะดิจิทัลคอนเทนต์ HORECA ร้านอาหาร Thai Select และการปูพรมเจาะตลาดเมืองรอง โดยเฉพาะในอาเซียน สหรัฐฯ และยุโรป
ทั้งนี้ ผลจากการดำเนินกิจกรรม จะช่วยผลักดันให้การส่งออกเพิ่มขึ้น โดยตะวันออกกลางและแอฟริกา จะเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้อีก 5,380 ล้านบาท และทำให้การส่งออกรวม เพิ่ม 20% เอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย เพิ่มมูลค่า 4,163 ล้านบาท ส่งออกรวมเพิ่ม 2.2% จีนและฮ่องกง เพิ่มมูลค่า 3,238 ล้านบาท โดยส่งออกไปจีน เพิ่ม 1% และฮ่องกง เพิ่ม 2% ยุโรป เพิ่มมูลค่า 2,450 ล้านบาท ส่งออกรวมเพิ่ม 1% อเมริกา เพิ่มมูลค่า 2,380 ล้านบาท
โดยอเมริกาเหนือ ส่งออกรวมเพิ่ม 4.5% และลาตินอเมริกา เพิ่ม 4% เอเชียใต้ เพิ่มมูลค่า 980 ล้านบาท ส่งออกรวมเพิ่ม 10% อาเซียน เพิ่มมูลค่า 808 ล้านบาท ส่งออกรวมเพิ่ม 6.6%
นายกีรติ กล่าวว่า ยังได้มอบนโยบายให้เชื่อมโยงการทำงานระหว่างทูตพาณิชย์กับพาณิชย์จังหวัด ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะ SMEs ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เนื่องจากทูตพาณิชย์ และพาณิชย์จังหวัด ต่างมีจุดแข็ง ของการเป็นคนในพื้นที่ โดยทูตพาณิชย์อยู่ในฝั่งตลาด
และพาณิชย์จังหวัดอยู่ใกล้ชิดผู้ประกอบการ การทำงานร่วมกันเป็นทีมการตลาดของประเทศ จะเป็นการเสริมจุดแข็งซึ่งกันและกัน ในการผลักดันสินค้าท้องถิ่นของไทยที่มีอัตลักษณ์ มีนวัตกรรม และมีกระบวนการการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ออกสู่ตลาดต่างประเทศให้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ตามแนวทางตลาดนำการผลิต
นอกจากนี้ จะร่วมมือกับภาคเอกชน ตั้งคณะทำงานเป็นรายกลุ่มคลัสเตอร์ หรือกลุ่มสินค้า เพื่อประเมินการส่งออกเป็นรายคลัสเตอร์และสินค้า เช่น หากตลาดส่งออกปัจจุบันชะลอตัว จะมีทางขยายไปยังตลาดอื่นใดได้บ้าง หรือใช้วิธีการใด กระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนได้อย่างไร
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า สิ่งที่น่าห่วง คือ ต้นทุนการผลิต และซัปพลายเชน ที่ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรอีก โดยเดิมมีต้นทุนจากน้ำมัน ค่าไฟ และแรงงาน ซึ่งเป็นแผลเก่า ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะมีแผลใหม่หรือไม่ และค่าเงินบาทที่สวิงมาก ทำให้มีผลกระทบต่อการส่งออก ส่วนเป้าทั้งปี หอการค้าไทยประเมินไว้ที่ 0-1% แต่เชื่อว่าหลังจากที่กระทรวงพาณิชย์เข้ามาร่วมทำงานและผลักดันร่วมกับภาคเอกชน จะทำให้เป้า 1-2% เป็นไปได้
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผุ้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การส่งออกของไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยเดือนม.ค.2566 ทำได้ 2 หมื่นกว่าล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าต่ำสุด และเริ่มดีขึ้น จนเดือนมี.ค.2566 ที่หลายฝ่ายคาดว่าจะแย่ แต่ก็ดีกว่าที่คาดไว้ ทำให้ไตรมาสแรก ติดลบเพียง 4.5% และจากนี้คาดว่าทิศทางจะดีขึ้น บวกกับที่ทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเจาะตลาด ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มยอดส่งออก
นายนาวา จันทนสุรคน กรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ตั้งเป้าหมายการส่งออกปีนี้ติดลบ 1% แต่เชื่อว่ามีโอกาสเติบโตได้ 1-2% หากภาคเอกชนร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการขับเคลื่อนส่งออก โดยจากนี้จะทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มคลัสเตอร์ และรายสินค้า เพื่อวางแผนการส่งออก