- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 17 May 2023 18:15
- Hits: 2265
4 เดือนปี 66 'ทุเรียน' ใช้สิทธิ์ FTA ส่งออกไปจีน มูลค่าสูงสุด เพิ่ม 85.31%
กรมการค้าต่างประเทศเผยการใช้สิทธิ์ FTA ส่งออกไปคู่ค้าช่วง 4 เดือนปี 66 มีมูลค่า 25,831.09 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 74.75% ของยอดส่งออกที่ได้รับสิทธิ์รวม ‘ทุเรียนสด’ นำโด่งใช้สิทธิ์มูลค่าสูงสุด 2,022.84 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 85.31% ส่วน 5 อันดับ FTA ที่ใช้สิทธิ์สูง อาเซียนแชมป์ ตามด้วยอาเซียน-จีน ไทย-ญี่ปุ่น ไทย-ออสเตรเลีย และอาเซียน-อินเดีย ส่วนกรอบ RCEP มีมูลค่าใช้สิทธิ์รวม 421.99 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 106.72%
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถิติการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าสำหรับการส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) จำนวน 12 ฉบับ ในช่วง 4 เดือนปี 2566 (ม.ค.-เม.ย.) มีมูลค่ารวม 25,831.09ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.27% คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ์สูงถึง 74.75% ของมูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิ์มูลค่า 34,557.72 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย FTA ที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ อาเซียน อาเซียน-จีน ไทย-ญี่ปุ่น ไทย-ออสเตรเลีย และอาเซียน-อินเดีย
สำหรับ สินค้าที่มีการใช้สิทธิ์ FTA ส่งออกสูงสุด ได้แก่ ทุเรียนสด มีการใช้สิทธิ์ FTA ส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน มูลค่าสูงถึง 2,022.84 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 85.31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า ที่มีมูลค่า 1,091.57 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนรายละเอียดการใช้สิทธิ์ FTA ส่งออกสูงสุด 5 กรอบความตกลง ได้แก่ 1.ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน มูลค่า 9,451.21 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 73.35% โดยเป็นการใช้สิทธิส่งออกไปอินโดนีเซียสูงสุด มูลค่า 2,553.09 ล้านเหรียญสหรัฐ มาเลเซีย มูลค่า 2,227.59 ล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนาม มูลค่า 2,157.04 ล้านเหรียญสหรัฐ
และฟิลิปปินส์ มูลค่า 1,577.44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ์ เช่น ยานยนต์สำหรับขนส่งของ (น้ำหนักไม่เกิน 5 ตัน) น้ำตาล เครื่องปรับอากาศ รถยนต์เพื่อขนส่งบุคคล (1,500 - 3,000 cc) น้ำมันปิโตรเลียมและน้ำมันจากแร่บิทูมินัส เป็นต้น
2.ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) มูลค่า 7,850.90 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 92.40% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ์ เช่น ทุเรียนสด ผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์ผสมยางธรรมชาติ มันสำปะหลัง สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง น้ำตาล ฝรั่ง มะม่วง และมังคุด และชิ้นเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็ง เป็นต้น
3.ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) มูลค่า 2,117.61 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 69.67% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ์ เช่น เนื้อไก่และเครื่องในไก่ปรุงแต่ง เนื้อไก่แช่เย็นจนแข็ง เดกซ์ทรินและโมดิไฟด์สตาร์ช กุ้งปรุงแต่ง กระสอบและถุงทำด้วย โพลิเมอร์ของเอทิลีน ลวดและเคเบิลทำด้วยทองแดง เป็นต้น
4.ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) มูลค่า 1,875.14 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 67.41% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ์ เช่น รถยนต์และยานยนต์อื่นๆ (ที่มีเครื่องดีเซล หรือกึ่งดีเซล) รถยนต์ขนส่งบุคคลขนาด 2,500 cc ขึ้นไป และขนาด 1,000-1,500 cc ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ และปลาทูน่าปรุงแต่ง เป็นต้น
5.ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) มูลค่า 1,681.15 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนการใช้สิทธิ์ 62.72% โดยสินค้าสำคัญที่มีมูลค่าการใช้สิทธิ์สูง และมีการขยายตัวของการใช้สิทธิ์ เช่น ลวดทองแดง สารประกอบออร์แกโน-อินออร์แกนิก ส่วนประกอบของเครื่องปรับอากาศ เครื่องรับสำหรับวิทยุกระจายเสียง โพลิ (ไวนิลคลอไรด์) และฟอยล์อะลูมิเนียมที่มีความหนาไม่เกิน 0.2 มิลลิเมตร เป็นต้น
นายรณรงค์ กล่าวว่า การใช้สิทธิ์ภายใต้ RCEP ในช่วง 4 เดือนปี 2566 มีการส่งออกไปยัง 10 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และเมียนมา มีมูลค่าการใช้สิทธิ์รวม 421.99 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 106.72% โดยมีสินค้าส่งออกสำคัญภายใต้ความตกลง RCEP เช่น น้ำมันหล่อลื่น ปลาทูน่ากระป๋อง เครื่องดื่มชูกำลัง มันสำปะหลังเส้น หัวเทียน เลนส์ ปริซึม กระจกเงา ฟล็อก ผงสิ่งทอ และมิลเน็ป เป็นต้น
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.2566 เป็นต้นมา ความตกลง RCEP ได้มีผลบังคับใช้กับประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศสุดท้ายที่ความตกลง RCEP ได้เริ่มมีผลบังคับใช้ด้วย ส่งผลให้ขณะนี้ ความตกลง RCEP มีผลบังคับใช้กับทุกประเทศสมาชิกครบทั้ง 15 ประเทศเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นข่าวดีที่ผู้ส่งออกไทยได้มีทางเลือกในการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง FTA ต่างๆ ที่ไทยมีอยู่ได้มากขึ้น