- Details
-
Category: พาณิชย์
-
Published: Thursday, 04 May 2023 14:05
-
Hits: 1498
เงินเฟ้อเม.ย.เพิ่ม 2.67% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน
พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อเม.ย.66 เพิ่ม 2.67% ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน หลังราคาน้ำมัน สินค้าหมวดอาหารชะลอตัวลง และฐานปีก่อนสูง ส่วนเฉลี่ย 4 เดือน เพิ่ม 3.58% คาดแนวโน้มพ.ค. ยังลงอีก อาจจะโตแค่ 1% กว่าๆ และจากนั้นจะชะลอตัวลงต่อเนื่อง คาดทั้งปี 1.7-2.7% ค่ากลาง 2.2%
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนเม.ย.2566 เท่ากับ 107.96 เทียบกับมี.ค.2566 เพิ่มขึ้น 0.19% เทียบกับเดือนเม.ย.2565 เพิ่มขึ้น 2.67% ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 16 เดือน นับจากธ.ค.2564 ที่อยู่ที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 2.17% โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และสินค้าในหมวดอาหารที่ราคาชะลอตัว และฐานราคาในเดือนเม.ย.2565 ที่ใช้ในการคำนวณเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง ส่วนเงินเฟ้อเฉลี่ย 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) เพิ่มขึ้น 3.58%
สำหรับ เงินเฟ้อเดือนเม.ย.2566 ที่สูงขึ้น 2.67% มาจากการสูงขึ้นของหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 4.53% ชะลอตัวจากเดือนมี.ค.2566 ที่สูงขึ้น 5.22% โดยสินค้าที่ราคาสูงขึ้น เช่น ผักและผลไม้ (ถั่วฝักยาว มะนาว กระเทียม แตงโม เงาะ มะม่วง) ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ไข่ไก่ กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำอัดลม กาแฟ ชา อาหารบริโภคในบ้าน เช่น กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวแกง ข้าวกล่อง ก๋วยเตี๋ยว ซีอิ๊ว น้ำพริกแกง ซอสหอยนางรม โดยมีสินค้าที่ราคาลดลง เช่น เนื้อสุกร ขึ้นฉ่าย ผักกาดขาว ผักบุ้ง กล้วยน้ำว้า น้ำมันพืช มะพร้าว และมะขามเปียก
ส่วนสินค้าหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม เพิ่ม 1.39% ตามการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ เช่น ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม ค่าโดยสารสาธารณะ น้ำมันกลุ่มดีเซล ก๊าซ LPG แก๊สโซฮอล์ E85 ค่าการศึกษา สบู่ถูตัว ยาสีฟัน แป้งทาผิวกาย น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ซักผ้า ค่าแต่งผมชาย สตรี ค่าทำเล็บ
โดยมีสินค้าที่ราคาลดลง เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงในกลุ่มแก๊สโซฮอล์และเบนซิน เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า เสื้อผ้าบุรุษ น้ำยาระงับกลิ่นกาย แป้งผัดหน้า ที่เขียนคิ้ว ค่าสมาชิกเคเบิลทีวี และเครื่องรับโทรศัพท์มือถือ
ทั้งนี้ ในส่วนของเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนเม.ย.2566 เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.05% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2566 และเพิ่มขึ้น 1.66% เมื่อเทียบกับเม.ย.2565 รวม 4 เดือนเพิ่มขึ้น 2.09%
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อเดือนพ.ค.2566 คาดว่าจะชะลอตัวลงค่อนข้างมาก ไม่น่าจะถึง 2% อาจจะเห็น 1% กว่า ๆ เพราะฐานราคาเดือนพ.ค.2565 ค่อนข้างสูง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมามาก ราคาสินค้าและบริการเริ่มทรงตัว และบางรายการชะลอตัวและลดลง และค่าไฟงวดพ.ค.-ส.ค.2566 ปรับลดลงเหลือหน่วยละ 4.70 บาท
ซึ่งมีส่วนช่วยให้เงินเฟ้อเดือนพ.ค.ไม่น่าจะสูงขึ้น และอาจจะทำสถิติต่ำสุดอีก แต่ก็ต้องจับตาปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเงินเฟ้อ เช่น ก๊าซหุงต้มที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตสำคัญ ปัญหาภัยแล้งกระทบต่อปริมาณและราคาสินค้าเกษตร ความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2566 อยู่ที่ระหว่าง 1.7–2.7% ค่ากลาง 2.2% โดยประเมินว่าเงินเฟ้อนับจากเดือนพ.ค.2566 เป็นต้นไป จะเริ่มลดลง และชะลอตัวลงต่อเนื่องถึงปลายปี ทำให้เงินเฟ้อลดลงกลับมาสู่กรอบเป้าหมาย แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ สนค.ก็จะมีการทบทวนตัวเลขเป้าหมายเงินเฟ้ออีกครั้ง
เงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวต่อเนื่องอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือนเมษายน 2566 เท่ากับ 107.96 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเท่ากับ 105.15 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป สูงขึ้นร้อยละ 2.67 (YoY) ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 16 เดือน สาเหตุสำคัญมาจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และสินค้าในหมวดอาหารที่ราคาชะลอตัว
ประกอบกับฐานราคาในเดือนเมษายน 2565 ที่ใช้คำนวณเงินเฟ้ออยู่ระดับสูง
อัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ (ข้อมูลล่าสุดเดือนมีนาคม 2566) พบว่า เงินเฟ้อไทยต่ำเป็นอันดับที่ 14 จาก 133 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าหลายเขตเศรษฐกิจ อาทิ สหรัฐอเมริกา อิตาลี สหราชอาณาจักร เม็กซิโก อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และอยู่ระดับต่ำที่สุดในอาเซียน จาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข ทั้ง สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม
อัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายน 2566 ที่สูงขึ้นร้อยละ 2.67 (YoY) มีการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้
หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้นร้อยละ 4.53 (YoY)
ตามการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ อาทิ ผักและผลไม้ (ถั่วฝักยาว มะนาว กระเทียม แตงโม เงาะ มะม่วง) ตามสภาพภูมิอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย และต้นทุนที่สูงขึ้น ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ตามปริมาณข้าวที่ลดลงจากการส่งออกที่มีมากขึ้น และสิ้นสุดการจัดโปรโมชัน ไข่ไก่ ราคาสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิต และปริมาณในตลาดที่มีไม่มากนัก เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำอัดลม กาแฟ/ชา (ร้อน/เย็น)) อาหารบริโภคในบ้าน (กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวแกง/ข้าวกล่อง ก๋วยเตี๋ยว) ตามต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เครื่องประกอบอาหาร (ซีอิ๊ว น้ำพริกแกง ซอสหอยนางรม) ราคาสูงขึ้น
หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 1.39 (YoY)
ตามการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ อาทิ ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม ค่าโดยสารสาธารณะ (แท็กซี่ เรือ รถเมล์เล็ก/สองแถว เครื่องบิน) น้ำมันเชื้อเพลิงบางประเภท (น้ำมันกลุ่มดีเซล ก๊าซยานพาหนะ (LPG) แก๊สโซฮอล์ E85) ค่าการศึกษา ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลและสิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (สบู่ถูตัว ยาสีฟัน แป้งทาผิวกาย น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ซักผ้า) เนื่องจากสิ้นสุดโปรโมชัน ค่าบริการส่วนบุคคล (ค่าแต่งผมชาย/สตรี ค่าทำเล็บ) ทั้งนี้ มีสินค้าสำคัญหลายรายการราคาลดลง
ส่งผลให้ราคาสินค้าที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มในภาพรวมอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก อาทิ น้ำมันเชื้อเพลิงในกลุ่มแก๊สโซฮอล์และเบนซิน เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า เสื้อผ้าบุรุษ น้ำยาระงับกลิ่นกาย แป้งผัดหน้า ที่เขียนคิ้ว ค่าสมาชิกเคเบิลทีวี และเครื่องรับโทรศัพท์มือถือ เพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร ขึ้นฉ่าย ผักกาดขาว ผักบุ้ง กล้วยน้ำว้า น้ำมันพืช มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) และมะขามเปียก
เงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้นร้อยละ 1.66 (YoY) ชะลอตัวต่อเนื่องจาก เดือนมีนาคม 2566 ที่สูงขึ้นร้อยละ 1.75 (YoY)
ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนนี้ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สูงขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.19 (MoM) ตามราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่สูงขึ้นร้อยละ 0.34 อาทิ ผักสด (ผักชี ต้นหอม ผักคะน้า) ผลไม้สด (เงาะ มังคุด ส้มเขียวหวาน) และไข่ไก่ ขณะที่ เนื้อสุกร ปลาช่อน ผักบุ้ง มะเขือเทศ น้ำมันพืช และครีมเทียม ราคาปรับลดลงจากเดือนที่ผ่านมา และสินค้าในหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้นร้อยละ 0.08 ตามการสูงขึ้นของราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ค่าของใช้และค่าบริการส่วนบุคคลที่ปรับสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย อาทิ แป้งทาผิวกาย ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบำรุงผิว ค่าแต่งผมชาย/สตรี
ขณะที่สินค้าหลายรายการราคาลดลง อาทิ น้ำมันกลุ่มดีเซล ค่าธรรมเนียมผ่านทางพิเศษ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า หม้อหุงข้าว และตู้เย็น รวมถึงสิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด และของใช้ส่วนบุคคลบางประเภท (ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างจาน แป้งผัดหน้า น้ำยาระงับกลิ่นกาย กระดาษชำระ)
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคม ปี 2566
คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงค่อนข้างมาก โดยสาเหตุสำคัญมาจากฐานราคาในเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อค่อนข้างสูง และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่ราคาสินค้าและบริการบางรายการชะลอตัว และบางรายการเริ่มทรงตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มชะลอตัว และคาดว่าจะอยู่ในกรอบเป้าหมายที่กำหนด แต่ยังมีปัจจัยที่อาจทำให้เงินเฟ้อขยายตัวมากกว่าที่คาดไว้ อาทิ ราคาก๊าซหุงต้มที่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตสำคัญ ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อปริมาณและราคาสินค้าเกษตร อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้ออย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2566 อยู่ที่ระหว่างร้อยละ 1.7 – 2.7 (ค่ากลาง 2.2) และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม เดือนเมษายน 2566 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 53.5 จากระดับ 52.3 ในเดือนก่อนหน้า โดยอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 (นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565) และสูงสุดในรอบ 52 เดือน (นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2562) เป็นการปรับเพิ่มขึ้นทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันและในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) โดยมีสาเหตุจาก
(1) - การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ที่จัดงานเป็นจำนวนมาก
(2) - ใกล้เข้าสู่วันเลือกตั้ง (14 พฤษภาคม 2566) ทำให้ประชาชนคาดหวังว่าจะมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการเมืองของประเทศ และ
(3) - ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทดีเซลปรับลดลง อย่างไรก็ตาม ค่าไฟฟ้าที่ประชาชนจ่ายมากขึ้น ตามจำนวนหน่วยที่ใช้ในช่วงฤดูร้อน ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลกับภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้น มีส่วนทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมปรับตัวดีขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
ท่านสามารถดาวน์โหลดเอกสารประกอบการแถลงเพิ่มเติมได้ที่
Click Donate Support Web