WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1Bอาหารสัตว์เลี้ยง

พาณิชย์ เผย'อาหารสัตว์เลี้ยง'มีโอกาสส่งออกฟิลิปปินส์ หลังคนนิยมเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผย 'อาหารสัตว์เลี้ยง' มีโอกาสขยายตลาดส่งออกฟิลิปปินส์ หลังชาวฟิลิปปินส์นิยมเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น แนะคุมเข้มคุณภาพ มาตรฐาน พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดึงดูด และร่วมมือกับคู่ค้าในการทำตลาดต่อเนื่อง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างการจดจำ

        นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยในประเทศที่ประจำอยู่และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับข้อมูลจากน.ส.จันทนา โชติมุณี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ

ณ กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ ถึงโอกาสในการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงเข้าสู่ตลาดฟิลิปปินส์ เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มการเติบโตของประชากรที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น ซึ่งมีข้อมูลยืนยันจากการสำรวจของบริษัทราคูเท็น (Rakuten) พบว่าในปี 2564 อัตราการเป็นเจ้าของสุนัขของฟิลิปปินส์สูงที่สุดในเอเชียที่ร้อยละ 67 และอัตราความเป็นเจ้าของแมวสูงเป็นอันดับ 2 ที่ร้อยละ 43

         ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์ยังได้รายงานข้อมูลเพิ่มเติมว่า Global.Agricultural.Information.Network ของหน่วยงาน Foreign Agricultural Service (FAS) ภายใต้กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ได้ระบุความต้องการอาหารสัตว์เลี้ยง ของฟิลิปปินส์ ในปี 2566 คาดว่าจะมีมูลค่า 434 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เนื่องจากจำนวนผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นและเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้านที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงและยอดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก

       นอกจากนี้ ตามรายงานของ USDA-FAS ยังได้คาดการณ์การเติบโตของอาหารสัตว์เลี้ยงในแต่ละหมวดหมู่ว่าในปี 2566 ตลาดอาหารสุนัขแบบแห้ง (Dry Dog Food) จะเติบโตร้อยละ 9 และอาหารแมวแบบเปียก (Wet Cat Food) จะเติบโตร้อยละ 13 ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับนก ปลา และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก จะมีการเติบโตเพียงเล็กน้อย

โดยตลาดผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ดังกล่าว มีมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 4 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีมาตั้งแต่ปี 2560 และ USDA-FAS ยังระบุเพิ่มเติมว่า ฟิลิปปินส์เป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับ 9 สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขและแมวของสหรัฐฯ และยังเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรใหญ่เป็นอันดับ 7 ของสหรัฐฯ

โดยในปี 2564 พบว่า การส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขและแมวไปยังฟิลิปปินส์มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2566 โดยส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขและแมวนำเข้าของฟิลิปปินส์จะนำเข้าจากประเทศไทย สหรัฐฯ และยุโรปเป็นหลัก

         ขณะเดียวกัน ข้อมูลของ USDA–FAS ยังระบุด้วยว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมา จะมีจำนวนผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในท้องถิ่นจำนวนมากขึ้น แต่เจ้าของสัตว์เลี้ยงพันธุ์แท้ในฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่ยังคงนิยมชื่นชอบอาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้ามากกว่า และยังพบว่า แบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้า มีการเข้าร่วมกับแพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ รวมถึงเครือข่ายร้านจำหน่ายสัตว์เลี้ยง ซึ่งช่วยนำเสนอโอกาสในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้าใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

นายภูสิต กล่าวว่า จากค่าความนิยมการเลี้ยงสัตว์ที่เติบโตขึ้นในฟิลิปปินส์ ได้รับปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์มีกำลังการซื้อสัตว์มาเลี้ยงมากขึ้น และชาวฟิลิปปินส์ยังมีวัฒนธรรมและมุมมองว่าสัตว์เลี้ยงเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในครอบครัว และในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ชาวฟิลิปปินส์ได้หันมาเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นเพราะต้องการมีสัตว์เลี้ยงเพื่อคลายความเหงา และสร้างกิจกรรมขณะอยู่บ้าน ทำให้จำนวนการเลี้ยงสัตว์ในฟิลิปปินส์เติบโต

และตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงก็เติบโตตามไปด้วย และยังพบว่าพฤติกรรมเจ้าของสัตว์เลี้ยงชาวฟิลิปปินส์ นิยมเลือกซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงนำเข้ามากกว่าอาหารสัตว์ในเลี้ยงท้องถิ่น เนื่องจากเชื่อมั่นในคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือสูงกว่า ทำให้ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพและเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย

“ปัจจุบันอาหารสัตว์ของไทย ได้รับความนิยมในลำดับต้นๆ เพราะได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน โดยในปี 2565 ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงไปยังฟิลิปปินส์มูลค่า 4,238.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.19 และคาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในปี 2566 ซึ่งผู้ประกอบการไทยควรใช้กลยุทธ์ผสมผสาน ทั้งการกำหนดราคาที่แข่งขันได้และการสร้างแบรนด์

โดยอาจร่วมกับคู่ค้าในฟิลิปปินส์จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ ความตระหนักรู้ในแบรนด์สินค้าให้เป็นที่จดจำ และต้องรักษาคุณภาพ พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความน่าสนใจ ตรงตามที่ผู้บริโภคต้องการ จะทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้ดีขึ้น และเป็นที่ต้องการมากขึ้น”นายภูสิตกล่าว 

 

Click Donate Support Web  

kasat 720x100MTL 720x100TU720x100sme 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100pxPF 720x100

 

TOA 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!