- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Saturday, 04 March 2023 14:41
- Hits: 1554
สนค.ลงพื้นที่เก็บข้อมูล จัดทำมาตรการรับมืออียู-สหรัฐฯ เข้มด้านสิ่งแวดล้อม
สนค.ลงพื้นที่เก็บข้อมูล รับฟังความคิดเห็น จากผู้ประกอบการในพื้นที่เชียงใหม่ เพื่อจัดทำโครงการศึกษาแนวทางการปรับตัวและเตรียมพร้อมต่อมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมให้กับภาคธุรกิจไทยกรณีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หลังคู่ค้า ทั้งอียูและสหรัฐฯ เข้มเรื่องปกป้องสิ่งแวดล้อม ออกมาตรการมาบังคับใช้แล้ว
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อํานวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สนค.ได้ลงพื้นที่พบปะกับผู้ประกอบการ เพื่อเก็บข้อมูลและระดมความคิดเห็นจากหน่วยงานและผู้ประกอบการที่มีการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม
ได้แก่ 1.หอการค้าจังหวัดเชียงราย 2.บริษัทเดอะคอฟฟี่ แฟ๊คทอรี่ จำกัด 3.บริษัท สุวิรุฬห์ชาไทย จำกัด 4.โรงงานหลวงดอยคำ อำเภอแม่จัน (โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 2) 5.โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ 6.โรงแรม เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี
และ 7.วิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรแทนคุณ และยังได้กระตุ้นให้ผู้ประกอบการเห็นถึงความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการเตรียมรับมือกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศคู่ค้า
“ขณะนี้ สนค. กำลังอยู่ระหว่างดำเนินโครงการศึกษาแนวทางการปรับตัว เพื่อเตรียมพร้อมต่อมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมของภาคธุรกิจไทย กรณีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย
โดยจะจัดทำเป็นรายงานสรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบาย รวมทั้งเป็นการให้ความรู้กับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ให้สามารถเตรียมพร้อมรับมือกับมาตรการของประเทศคู่ค้าได้อย่างทันท่วงที”นายพูนพงษ์กล่าว
สำหรับ ผลการลงพื้นที่ พบว่า หน่วยงานและผู้ประกอบการดังกล่าว มีศักยภาพและสามารถปรับตัวเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจการค้า โดยได้มีการดำเนินการ เช่น การขอรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product หรือ CFP)
การขอรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (Carbon Footprint for Organization หรือ CFO) การเข้าร่วมโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme: LESS) และการใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต เป็นต้น
ทั้งนี้ สนค.ได้ให้ข้อแนะนำว่า ในการจัดทำข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะต้องมีการเก็บข้อมูลกิจกรรมการดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้ก๊าซเรือนกระจก ซึ่งผู้ประกอบการ SMEs ที่อยู่ในห่วงโซ่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทขนาดใหญ่จะมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง
ดังนั้น ผู้ประกอบการทุกระดับต้องหันมาให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยสามารถเริ่มต้นง่ายๆ ตั้งแต่การเก็บข้อมูลค่าน้ำ ค่าไฟ การใช้น้ำมัน และปริมาณวัตถุดิบ เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาใช้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาว่าขั้นตอนใดของกระบวนการผลิตที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาก ซึ่งจะนำไปสู่การบริหารจัดการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างตรงจุดต่อไป
ปัจจุบัน สหภาพยุโรป (อียู) ได้มีมาตรการปกป้องคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยออกมาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon border Adjustment Mechanism : CBAM) ที่จะเริ่มใช้กับสินค้า 7 กลุ่ม คือ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า ไฮโดรเจน
และสินค้าปลายน้ำบางรายการ เช่น น็อตและสกรูทำจากเหล็ก รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (Indirect Emissions) โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2566 กำหนดให้ผู้นำเข้าต้องรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และจะบังคับใช้มาตรการเต็มรูปแบบในวันที่ 1 ม.ค.2569 ที่จะต้องซื้อใบรับรอง CBAM
ขณะที่สหรัฐฯ มีการเสนอร่างกฎหมาย Clean Competition Act (CCA) เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียม โดยจะเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าที่มีกระบวนการผลิตที่ส่งผลให้เกิดการปล่อยคาร์บอนในปริมาณสูง มีอุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ เชื้อเพลิงฟอสซิล ผลิตภัณฑ์จากการกลั่นปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ปุ๋ย ไฮโดรเจน กรดอะดิพิก ซีเมนต์ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม กระจก เยื่อกระดาษและกระดาษ และเอทานอล โดยกฎหมายของสหรัฐฯ จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2567
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไทย พบว่า ยังมีปัญหาสำคัญในเรื่องการสร้างความตระหนักให้ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งผู้ประกอบการส่วนใหญ่อาจเห็นว่ายังเป็นเรื่องไกลตัว
ซึ่งภาครัฐต้องสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการถึงประโยชน์ของการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ช่วยลดต้นทุนการทำธุรกิจในระยะยาว ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าและบริการ และในการทำธุรกิจการค้ากับประเทศพัฒนาแล้วจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย