- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 03 March 2023 08:20
- Hits: 1554
จุรินทร์ เผยบริษัทตั้งใหม่เดือนม.ค.66 พุ่ง 8,466 ราย โต 6.2% คาดทั้งปี 7.2-7.7 หมื่นราย
จุรินทร์ เผยบริษัทตั้งใหม่ เดือนม.ค.66 ยอดพุ่ง 8,466 ราย โต 6.2% มูลค่าทุนจดทะเบียนกว่า 2 หมื่นล้านบาท คาดแนวโน้มดีต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวฟื้น ประเมินครึ่งปี 66 ตั้งใหม่ 4-4.2 หมื่นราย ส่วนยอดทั้งปี 7.2-7.7 หมื่นราย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนม.ค.2566 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 8,466 ราย เทียบกับเดือนธ.ค.2565 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 111%
และเทียบกับม.ค.2565 เพิ่มขึ้น 6.2% มูลค่าทุนจดทะเบียน 20,847.11 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,297 ราย เทียบกับธ.ค.2565 ลดลง 77% เทียบกับม.ค.2565 เพิ่มขึ้น 30% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ 4,268.20 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 54 และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร
ปัจจุบัน มีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ วันที่ 31 ม.ค.2566 จำนวน 857,511 ราย มูลค่าทุน 21.36 ล้านล้านบาท เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 201,641 ราย คิดเป็น 23.52% บริษัทจำกัด 654,488 ราย คิดเป็น 76.32% และบริษัทมหาชนจำกัด 1,382 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ
รายงานข่าวจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งว่า การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ในเดือนม.ค.2566 นี้ ซึ่งหากดูตัวเลขเฉพาะเดือนม.ค. พบว่ายอดการจัดตั้ง 8,466 ราย เป็นยอดที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2557-2565
โดยปัจจัยบวกที่ทำให้การจดทะเบียนจัดตั้งใหม่เพิ่มขึ้น มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และภาคการท่องเที่ยว ทั้งในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่จีนเปิดประเทศ และปล่อยให้ชาวจีนออกเดินทางท่องเที่ยวได้ ส่งผลให้มีการมาเที่ยวไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่า แนวโน้มการจัดตั้งบริษัทใหม่ จะฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ในช่วงครึ่งปี 2566 จะอยู่ที่ประมาณ 40,000-42,000 ราย และตลอดทั้งปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 72,000-77,000 ราย