- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 23 February 2023 17:32
- Hits: 1742
สินิตย์ เผยประเดิมม.ค.66 ต่างชาติลงทุนไทย 52 ราย นำเงินเข้า 5 พันล้าน จ้างงาน 298 คน
สินิตย์ เผยเดือนม.ค.66 ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย 52 ราย นำเงินลงทุน 5,129 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 298 คน ญี่ปุ่นนำโด่งลงทุนมากสุด ตามด้วยสิงคโปร์ สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และจีน ประเมินทั้งปี ต่างชาติเข้ามาลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท หลังปัจจัยหนุนเพียบ ทั้งท่องเที่ยวฟื้นตัว การลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ และการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานใน EEC ที่มีส่วนช่วยดึงดูด
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้รายงานสถิติการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ในเดือนม.ค.2566 ว่ามีจำนวน 52 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 22 ราย
และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 30 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 5,129 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 298 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 14 ราย ร้อยละ 27 เงินลงทุน 3,588 ล้านบาท สิงคโปร์ 6 ราย ร้อยละ 12 เงินลงทุน 410 ล้านบาท สหรัฐฯ 6 ราย ร้อยละ 12 เงินลงทุน 9 ล้านบาท สหราชอาณาจักร 5 ราย ร้อยละ 10 เงินลงทุน 98 ล้านบาท และจีน 3 ราย ร้อยละ 6 เงินลงทุน 548 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในการเข้ามาลงทุน ได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ การสร้างแบบจำลองแบบ 3 มิติ และการทำงานของแดมเปอร์เฉพาะทางบนคอมพิวเตอร์ องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการทำงานของระบบการให้บริการรายการโทรทัศน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Internet Protocol Television : IPTV) เป็นต้น
สำหรับ ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตในเดือนม.ค.2566 ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เช่น บริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ปรับปรุง พัฒนา ทดลองระบบ เชื่อมระบบ และการเปิดใช้งาน
ตลอดจนการบริหารจัดการ สำหรับ โครงการรถไฟฟ้า บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย บริการขยายระบบ ทดสอบ บำรุงรักษา และให้คำแนะนำทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพเกี่ยวกับระบบการจัดการสิทธิดิจิทัล บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การบริการออกแบบทางวิศวกรรมและเทคนิค การติดตั้งเครื่องจักร อุปกรณ์ ระบบอัตโนมัติสำหรับกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม บริการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย บริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัลซึ่งเป็นการพัฒนาปรับปรุงแพลตฟอร์ม
ส่วนการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ ในเดือนม.ค.2566 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 8 ราย คิดเป็นร้อยละ 15 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุน 683 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13 ของเงินลงทุนทั้งหมด
โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 5 ราย ลงทุน 632 ล้านบาท จีน 2 ราย ลงทุน 48 ล้านบาท และสหราชอาณาจักร 1 ราย ลงทุน 3 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน เช่น บริการทางวิศวกรรมด้านการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจวิศวกรรมยานยนต์ บริการเคลือบผิว (Surface Treatment) และบริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนโลหะและชิ้นส่วนพลาสติก เป็นต้น
“คาดว่าตลอดปี 2566 จะมีนักลงทุนชาวต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งด้านการท่องเที่ยว และการลงทุนเพื่อขยายตลาด การปรับโครงสร้างการผลิตในประเทศต่างๆ ที่มีการขยายฐานการผลิตของธุรกิจต่างชาติเข้ามาในประเทศไทย
โดยเฉพาะธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตในอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจเกษตร อาหาร ชีวภาพ ธุรกิจท่องเที่ยว สุขภาพ และธุรกิจดิจิทัลต่างๆ และยังได้แรงหนุนจากจากขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ภาครัฐและเอกชนร่วมกันดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ EEC ดึงดูดการลงทุนมากขึ้น”นายสินิตย์กล่าว