- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 16 February 2023 17:09
- Hits: 2144
พาณิชย์ จัดคณะผู้แทน พีอาร์ข้าวไทยงานแฟร์ ชื่อดังโลก Biofach และ Gulfood
กรมการค้าต่างประเทศจัดคณะผู้แทนเดินทางไปประชาสัมพันธ์ข้าวไทย ในงานแสดงสินค้านานาชาติ ระดับโลก 2 งาน Biofach 2023 ที่เยอรมนี และ Gulfood 2023 ที่ดูไบ หวังแนะนำข้าวอินทรีย์ไทย ข้าวหอมมะลิไทย และข้าวคุณลักษณะพิเศษ มั่นใจทำให้ข้าวไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น และส่งออกเข้าสู่ตลาดสหภาพยุโรปและตะวันออกกลางได้มากขึ้น
นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้กำหนดจัดคณะผู้แทนเดินทางไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกใน 2 ภูมิภาค โดยงานแรก คือ งาน Biofach 2023 ครั้งที่ 33 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์นานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของโลก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ เมืองนูเรมเบิร์ก เยอรมนี ระหว่างวันที่ 14–17 ก.พ.2566
โดยกรมฯ จะจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับข้าวอินทรีย์ไทย จัดแสดงตัวอย่างสินค้าข้าวอินทรีย์ไทย เช่น ข้าวหอมมะลิไทยอินทรีย์ และข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ เป็นต้น และยังได้นำผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ของไทยไปจัดแสดงตัวอย่างสินค้า เช่น แป้งข้าวอินทรีย์ เครื่องดื่มจากข้าวอินทรีย์ และขนมอบกรอบที่ทำจากข้าวอินทรีย์ รวมถึงการเจรจาธุรกิจการค้ากับผู้นำเข้าข้าวภายในงานด้วย
ทั้งนี้ กรมฯ มั่นใจว่าจะช่วยขยายตลาดข้าวอินทรีย์ของไทยเข้าสู่ตลาดสหภาพยุโรปได้เพิ่มขึ้น เพราะสหภาพยุโรปเป็นตลาดสินค้าอินทรีย์และข้าวอินทรีย์ของไทยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพ รักและใส่ใจในสุขภาพ สนใจสินค้าปลอดกลูเตน (Gluten Free) ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2565 ไทยส่งออกข้าวอินทรีย์ไปสหภาพยุโรปปริมาณ 8,740 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 7,343 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 19% ซึ่งสหภาพยุโรปมีสัดส่วนปริมาณการส่งออกข้าวอินทรีย์ไทย 40% ของปริมาณการส่งออกข้าวอินทรีย์ทั้งหมดของไทย
ส่วนอีกงาน จะเข้าร่วมงาน Gulfood 2023 ครั้งที่ 28 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในระหว่างวันที่ 20–24 ก.พ.2566 โดยกรมฯ จะจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายของข้าวไทย ควบคู่กับเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย
และจัดแสดงตัวอย่างข้าวไทยชนิดต่าง ๆ เช่น ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวขาว และข้าวนึ่ง เป็นต้น รวมทั้งข้าวคุณลักษณะพิเศษ เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสังข์หยด และข้าว กข43 เป็นต้น พร้อมทั้งมีการสาธิตการหุงข้าวไทยและแจกให้ผู้เข้าเยี่ยมชมภายในคูหาของกรมฯ ได้ทดลองชิมคู่กับอาหารไทยด้วย
สำหรับ ภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทย โดยมีสัดส่วน 26% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด โดยประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ไทยส่งออกไปมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ อิรัก เยเมน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล ตุรกี และโอมาน โดยในปี 2565 ไทยส่งออกข้าวไปภูมิภาคตะวันออกกลางปริมาณ 2.02 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 0.63 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 220% โดยส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวขาว รองลงมา คือ ข้าวหอมมะลิไทย
“การเข้าร่วมงาน BIOFACH 2023 และงาน Gulfood 2023 ที่มีผู้ประกอบการสินค้าอาหารและเครื่องดื่มมาจัดแสดงสินค้าและพบปะเจรจาธุรกิจระหว่างกัน นับว่าเป็นโอกาสและช่องทางที่ดีของกรมฯ ในการจะประชาสัมพันธ์ข้าวไทยให้ผู้นำเข้าและผู้บริโภคในต่างประเทศเกิดการรับรู้ จดจำ และเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยของข้าวไทย ซึ่งจะช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาดและกระตุ้นการซื้อข้าวไทยและผลิตภัณฑ์จากข้าวไทยในสหภาพยุโรปและตะวันออกกลางได้เพิ่มมากขึ้น และกรมฯ ยังมีแผนที่จะจัดคณะผู้แทนเดินทางไปจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกในภูมิภาคอื่นอีกด้วย”นางมนัสนิตย์กล่าว
กรมการค้าต่างประเทศ เดินหน้าจัดทัพประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ
“กรมการค้าต่างประเทศจัดคณะผู้แทนเดินทางไปจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ Biofach 2023 ณ เมืองนูเรมเบิร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และงาน Gulfood 2023 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566”
นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 กรมการค้าต่างประเทศได้จัดคณะผู้แทนกรมฯ เดินทางไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกใน 2 ภูมิภาค ได้แก่
งาน BIOFACH 2023 ครั้งที่ 33 ในระหว่างวันที่ 14-17 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ของไทย ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเกษตรอินทรีย์นานาชาติที่ใหญ่ที่สุดของโลก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ เมืองนูเรมเบิร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยในงาน กรมฯ จะจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับข้าวอินทรีย์ไทย
พร้อมทั้งจัดแสดงตัวอย่างสินค้าข้าวอินทรีย์ไทย เช่น ข้าวหอมมะลิไทยอินทรีย์ และข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้นำผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ของไทยไปจัดแสดงตัวอย่างสินค้าข้าวอินทรีย์ไทยและผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ของไทย เช่น แป้งข้าวอินทรีย์ เครื่องดื่มจากข้าวอินทรีย์ และขนมอบกรอบที่ทำจากข้าวอินทรีย์ เป็นต้น รวมถึงการเจรจาธุรกิจการค้ากับผู้นำเข้าข้าวภายในงานด้วย
สหภาพยุโรปเป็นตลาดสินค้าอินทรีย์และข้าวอินทรีย์ของไทยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีกลุ่มผู้บริโภคที่มีศักยภาพ รักและใส่ใจในสุขภาพ สนใจสินค้าปลอดกลูเตน (Gluten Free) ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2565 ไทยส่งออกข้าวอินทรีย์ไปสหภาพยุโรปปริมาณ 8,740 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 7,343 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 ซึ่งสหภาพยุโรปถือสัดส่วนปริมาณการส่งออกข้าวอินทรีย์ไทยร้อยละ 40 ของปริมาณการส่งออกข้าวอินทรีย์ทั้งหมดของไทย
2. งาน Gulfood 2023 ครั้งที่ 28 ในระหว่างวันที่ 20-24 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วยในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการค้าและเป็นจุด re-export สินค้าที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง
โดยภายในงานกรมฯ จะจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับความหลากหลายของข้าวไทยควบคู่กับเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย และจัดแสดงตัวอย่างข้าวไทยชนิดต่างๆ เช่น ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวขาว และข้าวนึ่ง เป็นต้น รวมทั้งข้าวคุณลักษณะพิเศษ เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสังข์หยด และข้าว กข43 เป็นต้น พร้อมทั้งมีการสาธิตการหุงข้าวไทยและแจกให้ผู้เข้าเยี่ยมชมภายในคูหาของกรมฯได้ทดลองชิมคู่กับอาหารไทยด้วย
ภูมิภาคตะวันออกกลางนับว่าเป็นตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทยโดยถือสัดส่วนร้อยละ 26 ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด โดยประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ไทยส่งออกไปมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ อิรัก เยเมน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล ตุรกี และโอมาน
สำหรับ ในปี 2565 ไทยส่งออกข้าวไปภูมิภาคตะวันออกกลางปริมาณ 2.02 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 0.63 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 220 โดยส่วนใหญ่เป็นการส่งออกข้าวขาว รองลงมาคือ ข้าวหอมมะลิไทย
ทั้งนี้ ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายการเข้าร่วมงาน BIOFACH 2023 และงาน Gulfood 2023 ที่มีผู้ประกอบการสินค้าอาหารและเครื่องดื่มมาจัดแสดงสินค้าและพบปะเจรจาธุรกิจระหว่างกัน นับว่าเป็นโอกาสและช่องทางที่ดีของกรมฯ ในการจะประชาสัมพันธ์ข้าวไทยให้ผู้นำเข้าและผู้บริโภคในต่างประเทศเกิดการรับรู้ จดจำ
และเชื่อมั่นในคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยของข้าวไทยซึ่งจะช่วยรักษาส่วนแบ่งตลาดและกระตุ้นการซื้อข้าวไทยและผลิตภัณฑ์จากข้าวไทยในสหภาพยุโรปและตะวันออกกลางให้เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี กรมฯ มีแผนที่จะจัดคณะผู้แทนเดินทางไปจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติระดับโลกในภูมิภาคอื่นอีกด้วย