- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 16 December 2014 09:23
- Hits: 2620
ไทยทวงแชมป์ข้าวมะลิคืนพาณิชย์เปิดประมูลสต๊อกรัฐเพิ่มอีก 4 แสนตัน
บ้านเมือง : พาณิชย์ประกาศทวงแชมป์ข้าวหอมมะลิไทย และเร่งระบายข้าวค้างสต๊อกทุกช่องทาง พร้อมประกาศเปิดประมูล สต๊อกข้าวรัฐรอบ 4 กว่า 400,000 ตัน ขณะที่ชู 3 ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนสู่ AEC หนุนเอกชนใช้ประโยชน์ให้เต็มที่
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ทางกรมฯ ได้ประกาศเปิดประมูลการระบายข้าวและจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ครั้งที่ 4/2557 จำนวน 400,100 ตัน แบ่งเป็นปลายข้าวเอวันเลิศ กว่า 300,000 ตัน ที่เหลือเป็นข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวขาว 25% ข้าวขาว 15% และลายข้าวเอวันเลิศ
ทั้งนี้ ให้มีการยื่นซองประมูลวันที่ 22 ธันวาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 08.30-11.00 น. ที่ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 3 อาคารปฏิบัติการ 5 ชั้น กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี และกรมฯ จะประกาศรายชื่อผู้มีคุณสมบัติและเปิดซองในวันเดียวกัน เวลา 13.30 น. ณ สถานที่ดังกล่าว และวันนี้ (12 ธ.ค.) จะมีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมให้ผู้สนใจ เวลา 15.30 น. ที่ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 3 อาคารปฏิบัติการ 5 ชั้น กรมการค้าต่างประเทศ และหลังการเปิดระบายข้าว 3 ครั้งที่ผ่านมา สามารถระบายข้าวได้แล้ว 350,000 ตัน หรือเป็นเงินกว่า 1,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า ปีนี้ไทยสามารถกลับมาเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก หลังจากเสียแชมป์ไปแล้ว 2 ปี โดยจะส่งออกมากกว่า 10 ล้านตัน โดยเฉพาะส่งออกข้าวหอมมะลิให้กลับคืนมา หลังจากเสียตลาดให้กับฮ่องกง ซึ่งหลังจากนี้จะเร่งระบายข้าวทุกช่องทางให้มากที่สุด เพราะสินค้าเกษตรเก็บนานจะเสื่อมคุณภาพ และผลการตรวจสอบคุณภาพข้าว (ดีเอ็นเอ) ที่มี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบคุณภาพข้าวเสร็จแล้ว ในสต๊อกมี 17 ล้านตัน เป็นข้าวคุณภาพดีเพียงร้อยละ 10 ข้าวคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานถึง 14 ล้านตัน และข้าวเสื่อมคุณภาพอีกร้อยละ 4 หรือประมาณ 700,000 ตัน รวมทั้งข้าวหายอีก 200,000 ตัน
โดยเตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เร็วๆ นี้ เพื่อเพิ่มแนวทางระบายข้าวชนิดข้าวคุณภาพต่ำและข้าวเสื่อมคุณภาพให้เหมาะสม และจะเพิ่มการระบายแบบยกคลัง เพิ่มความคล่องตัวการระบายข้าวให้รวดเร็วขึ้น พร้อมกันนี้ กระทรวงพาณิชย์เตรียมจัดทำแผนยุทธศาสตร์ข้าวปี 2558 เน้นสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้ค้า จนถึงผู้บริโภค การกำหนดราคาในแต่ละช่วงราคา และมีสัดส่วนที่เป็นธรรม เพื่อให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาดีแบบยั่งยืนต่อไป
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในโอกาสเปิดงานเรื่อง "ยุทธศาสตร์การค้าของไทยหลัง AEC 2015 และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน" ว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลนี้ โดยตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าได้เริ่มงานไปมากแล้ว
สำหรับ ยุทธศาสตร์การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของกระทรวงพาณิชย์นั้น แบ่งการขับเคลื่อนออกเป็น 3 ด้านหลัก ประกอบด้วย การเร่งใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบทางด้านภูมิศาสตร์ผ่านยุทธศาสตร์การส่งเสริมการค้าชายแดน และค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นการผลักดัน Investment for Trade และการพัฒนาเมืองหน้าด่านเมืองคู่แฝด และเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้ความสำคัญกับตลาดใกล้ตัวก่อนคือ การมองตลาดการค้าชายแดน และการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเรามีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์อยู่ ทั้งนี้เป้าหมายสำคัญแรกของเราจะเป็นเรื่อง Investment For Trade หรือการลงทุนเพื่อกระตุ้นการค้า หมายถึงไม่เพียงแต่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่เราจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อกระตุ้นให้เกิดการค้าระหว่างกันในระยะยาว และเป้าหมายสำคัญประการที่สองของเราคือ การสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจเมืองหน้าด่าน และเมืองคู่แฝด เชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการเจริญเติบโตด้านการค้าการลงทุนระยะยาว ที่รัฐบาลไทยได้กำหนดแล้ว
ทั้งนี้ คาดหวังว่ามูลค่าการค้าชายแดน และผ่านแดนจะขยายตัวจากประมาณ 1 ล้านล้านบาทในปีนี้ เป็น 1.5 ล้านล้านบาทในปีหน้า การเร่งสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับ ผู้ประกอบการและวิสาหกิจผลักดันยุทธศาสตร์กลุ่มธุรกิจเชื่อมโยง (Cluster Driven) โดยจะอาศัยกลุ่มธุรกิจใหญ่ร่วมมือเปิดทาง SME ที่เป็นคู่ค้า เข้าสู่ตลาด ASEAN และตลาดใหม่ๆ ไปพร้อมๆ กัน โดยเบื้องต้นได้มีการหารือกับกลุ่มผู้ผลิต และผู้ประกอบการค้าปลีกบางรายในการกำหนดยุทธศาสตร์หลัก 4 ด้านเพื่อเริ่มดำเนินการแล้ว ได้แก่ การพัฒนาระบบการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ, การสร้างองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการ, การสร้างระบบการบริหารจัดการ และการส่งเสริมให้มีการนำดิจิตอลเทคโนโลยีมาใช้ประกอบธุรกิจและสร้างช่องทางขายใหม่ๆ