- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Thursday, 11 December 2014 22:42
- Hits: 2210
พาณิชย์ จัดจับคู่การค้าผู้ซื้ออาเซียน-เอเชีย ระหว่างวันที่ 11-13 ธ.ค.นี้ หวังหนุนสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงส่งออกในอนาคต
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิด'โครงการคณะผู้แทนการค้าภูมิภาคอาเซียนและเอเซียเดินทางมาเจรจาการค้าในประเทศ'ระหว่างวันที่ 11-13 ธันวาคม 57 ว่า นักธุรกิจจากอาเซียน จีน ญี่ปุ่น อินเดีย และออสเตรเลียตอบรับคำเชิญมารวมกว่า 160 คน ขณะที่ไทยเตรียมภาคเอกชนไว้ราว220 ราย เพื่อจับคู่ธุรกิจ เจรจาการค้าที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พร้อมคณะนักธุรกิจเยี่ยมชมกิจการที่มีศักยภาพเพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นและมั่นใจในคุณภาพของสินค้าและบริการของไทยที่ได้ประกาศตัวพร้อมเป็นผู้ผลิตสินค้าคุณภาพตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นไป
“คณะผู้แทนการค้าเป็นกลุ่มห้างสรรพสินค้าห้างค้าปลีก ซุปเปอร์มาร์เก็ตและผู้นำเข้า ขณะที่ผู้ประกอบการไทยจะอยู่ในกลุ่มสินค้าอาหารกว่า 120 บริษัท และที่ไม่ใช่อาหาร 99 บริษัท คาดว่าจะผลักดันให้สินค้าไทยครองส่วนแบ่งตลาดในซุปเปอร์มาเก็ต และห้างสรรพสินค้าในอาเซียนและเอเชียเพิ่มมากขึ้น อันจะส่งผลกระตุ้นและขับเคลื่อนการส่งออกของประเทศภายในไตรมาส 1-2 ของปีงบประมาณ 58 และที่สำคัญจะส่งเสริมการสร้างเครือข่ายธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการที่มีอำนาจตัดสินใจในกลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชีย อันจะเป็นประโยชน์ต่อไทยในการจัดกิจกรรมทางการค้าและกิจกรรมส่งเสริมตลาดในอนาคต”พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
สำหรับ สินค้าและบริการของไทยที่มีศักยภาพในตลาดเป้าหมายนี้ ได้แก่ สินค้าอาหาร อาหารสำเร็จรูป ข้าว ผัก/ผลไม้กระป๋อง เครื่องดื่ม/น้ำผลไม้ ซอสปรุงรส/เครื่องปรุง ผัก/ผลไม้แห้ง ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องใช้ในโรงแรม ของขวัญของชำร่วย แฟชั่นโดยคณะผู้ซื้อหลายรายจะเดินทางเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิต ชมตลาดย่านการค้าในอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ ตลาดโบ๊เบ๊ ตลาดวรจักร โดยกลุ่มที่เดินทางมามากที่สุด คือ อาเซียนกว่า100 รายรองลงมาเป็นจีนและฮ่องกงกว่า 40 ราย
ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินกิจกรรมเร่งด่วน ที่จะมีผลเป็นรูปธรรมต่อการกระตุ้นและขับเคลื่อนของประเทศในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 58 โดยครั้งแรกได้จัดโครงการจับคู่ธุรกิจการค้าระหว่างผู้ส่งออกไทยกับผู้นำเข้ารายสำคัญในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ลาตินอเมริกา แอฟริกา ยุโรปและรัสเซีย-CIS ขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งผลการเดินทางมาไทยของคณะผู้ซื้อฯเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 57 ในประสบความสำเร็จด้วยดี มีผู้ซื้อผู้นำเข้ามาไทยรวม 41 ราย ขณะที่ผู้ผลิตผู้ส่งออกไทยรวม 116 ราย มีคำสั่งสินค้าต่อเนื่องภายใน 1 ปี คิดเป็นมูลค่า 11,810,770 เหรียญสหรัฐฯ(ประมาณ 367 ล้านบาท)
“จากรายงานของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศที่การสอบถามผู้ส่งออกพบว่า ต้องการให้จัดงานในลักษณะนี้อีก เพราะทำให้ได้พบผู้นำเข้ารายสำคัญตัวจริง ขณะที่ผู้ซื้อให้ความเห็นว่า สินค้าขนมทานเล่นมีแนวโน้มได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในยุโรปและอเมริกาสูง หากมีการนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรับประทานหมดในครั้งเดียวและสะดวกต่อการพกพา โดยสามารถเจาะตลาดขนมสำหรับให้เด็กๆ นำไปทานที่โรงเรียน”พล.อ.ฉัตรชัย กล่าว
จากข้อเสนอแนะของผู้ซื้อฯพบว่า แนวโน้มตลาดโลกให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพ ดังนั้นอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นที่นิยมและมีโอกาสขยายตัวสูง รวมได้ให้คำแนะนำว่า อาหารหลายอย่าง หากสามารถปรับกรรมวิธีในการผลิต อาทิ ใช้น้ำมันที่เป็นประโยชน์ในการปรุงอาหารแทนการใช้น้ำมันปาล์ม จะสามารถขยายตลาดได้อีกมาก
สำหรับ สินค้าอาหารที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ ข้าว อาหารพร้อมรับประทาน ขนมทานเล่น เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ฮาลาล ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ผัก/ผลไม้และอาหารเพื่อสุขภาพ ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกและสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพได้รับความสนใจจากผู้นำเข้าหลายประเทศ เนื่องจากแนวโน้มตลาดในปัจจุบัน ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสนใจกับการดูแลสุขภาพ
อุปกรณ์การแพทย์และถุงมือยาง มีแนวโน้มการสั่งซื้อสูง ผู้นำเข้าเห็นว่าสินค้าที่นำมาเสนอเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ เนื่องจากผู้ส่งออกที่มาเจราธุรกิจในครั้งนี้ เป็นผู้ผลิตเริ่มตั้งแต่ปลูกยางพาราไปจนถึงแปรรูปเป็นสินค้าถุงมือยางสำหรับใช้ทางการแพทย์ นอกจากนี้สินค้าเครื่องใช้ในครัวเรือนและเฟอร์นิเจอร์ ผู้นำเข้าจากบราซิล สนใจผลิตภัณฑ์ทำจากไม้มะม่วง เช่น แจกัน โคมไฟ และถ้วยชาม ได้เดินทางมาดูโรงงานของผู้ผลิตที่นครนายก และเชียงใหม่ อยู่ระหว่างการเจรจาและมีแนวโน้มการสั่งซื้อสินค้าสูง เป็นต้น
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย