- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 07 December 2014 20:03
- Hits: 2466
ผวาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ ชงรัฐหามาตรการช่วยเกษตรกร -จ่อโรดโชว์ปีหน้า
บ้านเมือง : ผู้ส่งออกหวั่นข้าวเปลือกเจ้าราคาตก-แนะหามาตรการช่วยเหลือ พาณิชย์เผยรัสเซียอ้าแขนรับสินค้าและบริการไทยเจาะตลาดรัสเซีย ขณะที่เสนอหอการค้า 178 แห่งเป็นสะพานเชื่อมไทยกับตลาดรัสเซีย พร้อมนำคณะนักธุรกิจบุกไทยจับคู่ธุรกิจ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ผลผลิตข้าวเปลือกเจ้า ปีการผลิต 2557/2558 ที่ออกมาในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ประมาณ 16 ล้านตัน อาจส่งผลทำให้ราคาข้าวปรับตัวลดลง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อให้ราคาข้าวอยู่ที่ตันละ 8,000-8,500 บาท
แหล่งข่าวจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.) รัฐบาลต้องการดูแลเกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ปลูกข้าวหอมมะลิก่อน เนื่องจากสามารถควบคุมดูแลปริมาณได้ ส่วนข้าวเปลือกเจ้ายังไม่มีการพิจารณา
นายมนัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ขณะนี้ราคารับซื้อข้าวเปลือกเจ้าอยู่ในระดับทรงตัว โดยข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ รับซื้อที่ราคาตันละ 7,900-8,100 บาท และยังไม่มีสัญญาณบวก เนื่องจากผลผลิตและ สต๊อกข้าวไทยที่ยังมีมาก
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อวางแผนดูแลราคาข้าวเปลือกเจ้าไม่ให้ราคาตกต่ำและเป็นไปตามกลไกการตลาด โดยให้ผู้ตรวจราชการรายงานความคืบหน้าทุกสัปดาห์
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการหารือกับหอการค้าและอุตสาหกรรมของรัสเซียเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ณ กรุงมอสโก และการเดินทางเยือนไทยของคณะนักธุรกิจรัสเซียระหว่างวันที่ 1-5 ธันวาคม 2557 ว่า แม้ไทยและรัสเซียจะมีความสัมพันธ์ทางการทูตมายาวนานกว่า 117 ปี แต่ความสัมพันธ์ในเชิงเศรษฐกิจระหว่างกันยังอยู่ระดับต่ำทั้งการค้าและการลงทุน การเจาะตลาดรัสเซียด้วยตัวเองของนักธุรกิจไทยอาจมีความลำบากทั้งเรื่องภาษาและวัฒนธรรมในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น เพื่อช่วยเหลือธุรกิจไทยให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภค 140 ล้านคนของ รัสเซียง่ายขึ้น หอการค้าและอุตสาหกรรมของรัสเซียจึงเสนอเป็นตัวกลางให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายตลาดไปยังรัสเซียผ่านหอการค้าฯ ในรัฐต่างๆ กว่า 178 แห่งทั่วประเทศรัสเซีย ซึ่งมีความเข้าใจในผู้บริโภคท้องถิ่นได้ดีกว่า ซึ่งหอการค้าและอุตสาหกรรมรัสเซียถือเป็น 1 ใน 4 องค์กรภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย
ทั้งนี้ นายเซอกี บอริซอฟ ประธานโอปอร่า (โอปอร่า เป็นองค์กรเอกชนที่รัฐบาลให้การสนับสนุนในการส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีสมาชิกกว่า 400,000 รายทั่วรัสเซีย และมีเครือข่ายในประเทศต่างๆ รวม 80 แห่ง) ได้นำคณะนักธุรกิจจำนวน 13 รายในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง การศึกษา อุปกรณ์ลิฟต์ สินค้าสปาและโรงแรม อาหาร พลังงานทางเลือก ยานพาหนะไฟฟ้า เครื่องมือแพทย์ ระบบควบคุมความปลอดภัย และการเงิน เข้าพบ เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับนักธุรกิจไทย ทั้งนี้ คณะนักธุรกิจรัสเซียมีกำหนดจะเข้าพบผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร (ชลบุรี) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศได้ทำแผนการทำตลาดส่งออกข้าวสำหรับปี 2558 และทาบทามผู้ส่งออกให้เตรียมตัวเดินทางไปโรดโชว์ยังตลาดข้าวสำคัญของไทย เช่น แอฟริกา มาเลเซีย และตะวันออกกลาง เพื่อดึงตลาดที่เคยเป็นของไทยกลับคืนมา และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้มากขึ้น เพื่อให้การส่งออกข้าวปีหน้าเป็นไปตามเป้าหมายเบื้องต้นที่มากกว่า 10 ล้านตัน เช่นเดียวกับปี 2557 ที่คาดว่าจะส่งออกข้าวได้ถึง 11 ล้านตัน รูปแบบการโรดโชว์จะมีทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันเดินทางไปพบปะลูกค้า หากตลาดใดมีความต้องการทำการค้าแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ก็จะให้กรมการค้าต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการ แต่หากตลาดใดต้องการทำการค้ากับเอกชน แต่ให้รัฐเป็นผู้รับรองสัญญาการซื้อขาย หรือรัฐกับเอกชน (จีทูพี) ก็จะให้เอกชนที่มีศักยภาพดำเนินการได้ทันที รวมถึงถ้าเอกชนมีความสามารถทำตลาดกันเอง (พีทูพี) ก็สามารถทำได้ โดยการไปโรดโชว์เพื่อทำตลาดนั้น จะขายทั้งข้าวเก่าในสต๊อกประมาณ 18 ล้านตัน และข้าวใหม่ปี 2557/58 และข้าวนาปรังปี 2558
ส่วนราคาที่จะขาย ถ้าเป็นจีทูจีจะยึดราคาตลาดเป็นหลัก จากนั้นค่อยมาเจรจาลดหย่อนในเรื่องของคุณภาพ อัตราเสื่อม และเงื่อนไขอื่นๆ เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ราคาที่จะขายต้องอธิบายได้ ส่วนจีทูพี หรือพีทูจีก็จะใช้หลักการเดียวกัน คือ อ้างอิงราคาตลาดเป็นหลัก