- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 14 October 2022 20:38
- Hits: 1764
พาณิชย์ ตรวจสต๊อกปุ๋ย พบปริมาณเต็มโกดัง ราคาเริ่มลง ยูเรียลดแล้ว 18-20%
กรมการค้าภายในลงพื้นที่ตรวจสอบสต๊อกปุ๋ยเคมี 2 บริษัทใหญ่ ที่พระนครศรีอยุธยา พบปริมาณปุ๋ยเต็มโกดัง สามารถผลิตและจำหน่ายได้ถึงต้นปีหน้า ส่วนราคาก็ปรับลดลงต่อเนื่อง ยูเรียลงแล้ว 18-20% แอมโมเนียมซัลเฟต ลง 25% เตรียมเจรจาจีน เชื่อมโยงการซื้อปุ๋ย เพื่อช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรต่อ ล่าสุดสต๊อกปุ๋ยในประเทศขยับเพิ่มเป็น 1.4 ล้านตันแล้ว เพิ่มขึ้น 56%
ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจโรงงานของผู้นำเข้าและผู้ผลิตปุ๋ยเคมีรายใหญ่ 2 ราย ได้แก่ บริษัท เทอราโกร เฟอร์ติไลเซอร์ จำกัด และบริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมีจำกัด (มหาชน) ที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับนางกาญจนา ชมมี พาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสำรวจสถานการณ์การจำหน่ายปุ๋ยเคมีในเขต อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ร่วมกับนายวีระพงศ์ สืบค้า พาณิชย์จังหวัดปทุมธานี ว่า จากการตรวจสอบพบปริมาณสต๊อกปุ๋ยเคมี ทั้งสูตรหลักและสูตรทางเลือก มีเต็มโกดัง
รวมทั้ง 2 แห่งกว่า 1 แสนตัน หรือกว่า 2 ล้านกระสอบ สามารถผลิตและจำหน่ายได้ถึงต้นปีหน้า ส่วนราคาได้มีการปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงกลางปีที่ผ่านมา ขณะที่สถานการณ์การจำหน่าย ก็เป็นปกติ มีปริมาณปุ๋ยในท้องตลาดเพียงพอ ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาระหว่างผู้ผลิตและผู้จำหน่าย
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ราคาปุ๋ยเคมีในตลาดโลกที่ปรับลดลงขณะนี้ ทำให้ราคาปุ๋ยเคมีในประเทศได้ปรับลดลง เช่น ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ซึ่งเป็นสูตรที่ใช้กันมากที่สุด ราคาได้ปรับลดลงมาประมาณ 18-20% และปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต (21-0-0) ซึ่งนิยมใช้ในการปลูกปาล์มน้ำมัน ราคาได้ปรับลดลงมาประมาณ 25%
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการติดตามสถานการณ์ปุ๋ยเคมี กรมฯ ได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย สมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย และสมาคมคนไทยธุรกิจเกษตรไปแล้ว โดยขอให้สมาคมร่วมสอดส่องดูแลและกำชับไปยังตัวแทนจำหน่ายให้ขายปุ๋ยเคมีในราคาที่สอดคล้องกับต้นทุน ห้ามฉวยโอกาสขายแพงเกินสมควร โดยหากพบการฉวยโอกาสจะถูกเพิกถอนหรือระงับการเป็นตัวแทนจำหน่าย
ส่วนกรมฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่และร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศติดตามและกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดได้มีการสำรวจราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมีและแจ้งมายังกรมฯ เป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการฉวยโอกาสจำหน่ายในราคาสูงเกินสมควร ซึ่งมีโทษตามกฎหมาย จำคุกสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนมาที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด จะมีการตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ กรมฯ จะมีการเจรจากับประเทศที่เป็นแหล่งผลิตปุ๋ยเคมีต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงการซื้อปุ๋ยเพิ่มเติมอีก เช่น จีน ที่คาดว่าจะเปิดประเทศมากขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง เพื่อช่วยลดต้นทุนปุ๋ยเคมีให้แก่เกษตรกรต่อไป
ก่อนหน้านี้ ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเกิดวิกฤติด้านพลังงานและการขนส่งสินค้ากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบปุ๋ยเคมีที่ไทยต้องนำเข้าปุ๋ยเคมีเกือบ 100% ปรับสูงขึ้น อีกทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนตั้งแต่ปลายเดือนก.พ.2565 ส่งผลกระทบต่อปริมาณปุ๋ยเคมีในตลาดโลก เนื่องจากรัสเซียเป็นแหล่งผลิตปุ๋ยสำคัญของโลก รวมทั้งเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 3 ของไทย และจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า ช่วงม.ค.-ก.พ.2565 การนำเข้าปุ๋ยของไทยลดลงประมาณ 50% กระทรวงพาณิชย์จึงได้มีหารือกับผู้นำเข้าและผู้ผลิตเพื่อหาแหล่งนำเข้าใหม่ ๆ ตลอดจนปรับโครงสร้างราคาเพื่อให้มีนำเข้ามามากขึ้น
ขณะเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มีนโยบายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและกรมการค้าภายใน เชื่อมโยงการซื้อปุ๋ยจากแหล่งผลิตสำคัญ เช่น ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งนายจุรินทร์ได้นำคณะไปเยือน ระหว่างวันที่ 27-31 ส.ค.2565 ช่วยให้มีการตกลงซื้อปุ๋ยจากบริษัทซาบิกและบริษัทมาเดนของซาอุดิอาระเบีย รวม 425,000 ตัน ทำให้ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ปริมาณสต็อกปุ๋ยทั่วประเทศได้เพิ่มขึ้น จากประมาณ 9 แสนตัน ในช่วงสิ้นไตรมาสแรกของปี เป็น 1.4 ล้านตัน ในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 3 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 56%