- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 16 September 2022 16:50
- Hits: 1771
จุรินทร์ ดันส่งออก 'ไบโอพลาสติก' ทำจากมัน ตั้งเป้ารายได้ 1,000 ล้านภายในปี 67
จุรินทร์ สั่งลุยขับเคลื่อน 'ไบโอพลาสติก'ที่ทำจากมันสำปะหลัง หนุนส่งออกเป็นสินค้าสำเร็จรูป ทั้งถุงพลาสติก หลอด จาน และสินค้าต่าง ๆ แทนส่งออกแบบเม็ด เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ตั้งเป้าทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทในปี 67 พร้อมแจ้งข่าวดี ฟิลิปปินส์เตรียมซื้อมันสำปะหลัง 3-4 ล้านตัน ส่วนม.ค.66 จะจัดประชุมสัมมนามันสำปะหลัดโลก ที่โคราช
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานเปิดกิจกรรมส่งเสริมและยกระดับการพัฒนาสินค้าพลาสติกชีวภาพจากมันสำปะหลัง และเป็นสักขีพยาน MOU ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศกับห้างค้าปลีก กลุ่มเกษตรกร และหน่วยงานด้านวิจัย ว่า การส่งเสริมสินค้าพลาสติกชีวภาพ หรือไบโอพลาสติก เป็นอีกนโยบายที่กระทรวงพาณิชย์ผลักดัน เพราะต้องช่วยกันปรับการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากแบบดั้งเดิม มาเป็นไบโอพลาสติกที่ทำจากมันสำปะหลัง เพราะจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการนำเงินเข้าประเทศ
“ปัจจุบันเราเน้นการส่งออกมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ และส่งออกไบโอพลาสติกเม็ด เพื่อไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่อ คือ ผลิตภัณฑ์ขั้นต้นและขั้นกลาง ต่อไปนี้เราจะเน้นผลิตภัณฑ์ขั้นปลายมากขึ้น แทนที่จะส่งแบบเม็ด ก็จะส่งเป็นถุงพลาสติก หลอดดูด จาน สินค้าต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบจากไบโอพลาสติก ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้การวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม จึงได้มีการลงนาม MOU ระหว่าง 11 หน่วยงาน ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันวิจัยและพัฒนารวมทั้งเกษตรกร ที่จะเข้ามาช่วยกันพัฒนาต่อไป”นายจุรินทร์กล่าว
ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้าไว้ว่าการส่งออกไบโอพลาสติกจากมันสำปะหลัง จะทำรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ในปี 2567 โดยอินเดียจะเป็นตลาดใหญ่ของไทยในอนาคต เพราะมีนโยบาย Plastic Ban จะไม่ใช้ถุงพลาสติกจากปิโตรเคมี ถุงไบโอพลาสติก จะเป็นตลาดใหญ่ เพราะอินเดียมีประชากรมากกว่า 1,000 ล้านคน ถือว่ามีตลาดใหญ่รออยู่ข้างหน้า ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรผู้อยู่ต้นน้ำ มีรายได้ที่ดีขึ้นต่อไป
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับการช่วยหาตลาด ได้มอบนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งเกษตรกรในช่วงที่ผ่านมา คือ ขยายตลาด โดยเฉพาะในต่างประเทศ ไม่ว่าจะในรูปมันเส้น แป้งมัน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในประเทศ รวมทั้งการขยายตลาดใหม่ ซึ่งสำเร็จในหลายตลาด ไม่ว่าจะเป็นตุรกี นิวซีแลนด์ อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย และฟิลิปปินส์ เพื่อทดแทนตลาดจีน ที่เป็นตลาดใหญ่ และมีข่าวดีล่าสุด ฟิลิปปินส์กำลังเดินทางมาเจรจารอบสุดท้ายซื้อมันสำปะหลังประมาณ 3-4 ล้านตัน จะมีส่วนช่วยยกระดับราคาในประเทศให้สูงขึ้น
ส่วนเดือนม.ค.2566 จะไปประชุมที่นครราชสีมา เพราะเป็นเมืองหลวงของมันสำปะหลังของประเทศ มีกำหนดการจัดงานประชุมสัมมนามันสำปะหลัดโลก หรือ World Tapioca Conference 2023 ซึ่งจะเป็นอีกงานที่ส่งเสริมภาพลักษณ์มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง โดยในปี 2565 ตั้งเป้าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทุกรูปแบบ มูลค่า 130,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%
ทางด้านสถานการณ์มันสำปะหลัง ราคาถือว่าดีขึ้นมาก ในอดีตกิโลกรัม (กก.) ละ 1 บาทกว่า วันนี้ 3 บาทกว่าแล้ว เกินรายได้ที่ประกันที่กิโลกรัมละ 2.50 บาทอยู่เป็นปี แต่ทั้งหมดนี้ ต้องยอมรับความจริงว่าผลผลิตในประเทศเมื่อเทียบกับความต้องการใช้ ยังไม่พอ โดยผลผลิตในประเทศปีละประมาณ 35 ล้านตัน แต่ความต้องการใช้ 42 ล้านตัน ยังขาด 6-7 ล้านตันในภาพรวม แต่ช่วงที่มันสำปะหลังออกเยอะ ราคาก็ตก การเตรียมการด้านการตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ จะช่วยให้ราคามันสำหรับเกษตรกรในประเทศมีเสถียรภาพและมีความยั่งยืน
รายงานข่าวจากกรมการค้าต่างประเทศ แจ้งว่า ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมสินค้าพลาสติกชีวภาพ (ไบโอพลาสติก) และสินค้าแปรรูปและนวัตกรรมจากมันสำปะหลังแบบครบวงจร ระหว่างกรมการค้าต่างประเทศ และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มเกษตรกร ทั้ง 11 หน่วยงาน ได้แก่ 1.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) 2.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. 3.สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ
โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) 4.สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) 5.สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) 6.สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย 7.สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย 8.สมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย 9.บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จํากัด 10.บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด และ 11.บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จํากัด (มหาชน)