- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Sunday, 11 September 2022 10:43
- Hits: 2494
จุรินทร์ แถลงความสำเร็จจัด 'บางกอก เจมส์'เต็มรูปแบบรอบ 2 ปี คาดขายสะพัด 3 พันล้าน
จุรินทร์”แถลงความสำเร็จการจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 67 หลังจากกลับมาจัดเต็มรูปแบบครั้งแรกในรอบ 2 ปี เผยมีผู้เข้าร่วมจัดแสดงสินค้า 1,020 บริษัท ผู้ซื้อจากทั่วโลกแห่ชอปกว่า 15,000 ราย คาดยอดขายไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการแถลงความสำเร็จของงานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับ (Bangkok Gems and Jewelry Fair) ครั้งที่ 67 ที่ห้องจูปิเตอร์ 4-7 อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์และการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ว่า รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีแถลงความสำเร็จของการจัดงานบางกอก เจมส์ ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการจัดงานอย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยเผชิญความท้าทายต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน การผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การระบาดของโรคโควิด-19 จนถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนโลจิสติกส์ ที่ส่งผลกระทบกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจการค้าโลกในปัจจุบัน
“มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่งานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ สามารถกลับมาจัดงานได้อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากทั้งผู้ซื้อและผู้ขายที่มาร่วมงานในครั้งนี้ โดยมีผู้ประกอบการสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมาจัดแสดงสินค้าจำนวน 1,020 บริษัท พื้นที่ 2,004 คูหา โดย Exhibitor มีจำนวนสูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ถึง 30% และการจัดงานในครั้งนี้ จะมีผู้ซื้อจากทั่วโลกเดินทางมาเจรจาการค้ามากกว่า 15,000 ราย คาดว่าจะมียอดการซื้อขายภายในงานสูงถึง 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยส่งผลให้การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ 20% ตามเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งไว้”
นอกจากนี้ ยังขอแสดงความยินดีกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และสถาบันวิจัยและพัฒนอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วน ที่ร่วมผนึกกำลังกันจัดงานนี้จนประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ส่งผลให้งาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ก้าวขึ้นมาเป็นงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคเอเซีย และติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับนโยบายการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ได้มอบนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการส่งออกเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้า อัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญของโลก มุ่งเน้นรักษาตลาดเดิม เปิดตลาดใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่าที่เคยเป็นตลาดสำคัญ และใช้ยุทธศาสตร์การสร้างพันธมิตรในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับกับตลาดเป้าหมาย ด้วยการจัดทำ Mini FTA ที่ลงลึกระดับเมือง รัฐ มณฑลที่มีศักยภาพ
โดยที่ผ่านมา ได้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยการเป็นพันธมิตรในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ กับเมืองโคฟุ จังหวัดยามานาชิ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของญี่ปุ่น เพื่อเสริมศักยภาพของกันและกันในการยกระดับอุตสาหกรรมของทั้ง 2 ประเทศร่วมกัน
ส่วนผลการผลักดันการส่งออกเชิงรุกตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 29.8% ในปี 2564 เกินกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ถึง 4 เท่า สามารถนำรายได้เข้าประเทศ 194,950 ล้านบาท และในปี 2565 ตั้งเป้าไว้ที่ 234,000 ล้านบาท และในช่วง 7 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-ก.ค.) การส่งออกมีมูลค่าสูงถึง 149,842 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 50.64%
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก เนื่องจากมีผู้ประกอบการ SMEs ที่อยู่ในอุตสาหกรรมกว่า 90% มีการจ้างแรงงานในห่วงโซ่อุปทานกว่า 664,000 คน และอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยยังมีความโดดเด่นในด้านต่างๆ ที่มีทั้งความเชี่ยวชาญด้านการผลิต ช่างฝีมือที่เปี่ยมด้วยทักษะ และฝีมืออันประณีตในการคัดสรร การเจียระไน การขึ้นรูป รวมถึงการออกแบบ ซึ่งจากศักยภาพดังกล่าว รัฐบาลไทยจึงมีนโยบายส่งเสริมการจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก