- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Friday, 02 September 2022 07:36
- Hits: 2869
บริษัทตั้งใหม่ ก.ค.65 มีจำนวน 5,858 ราย เพิ่ม 3% รวม 7 เดือน 46,159 ราย
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยบริษัทตั้งใหม่เดือนก.ค.65 ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง มีจำนวน 5,858 ราย เพิ่ม 3% ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ยังติดอันดับ 3 ต่อเนื่อง 6 เดือนติด ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ ส่วนยอดเลิก 1,543 ราย เพิ่ม 35% รวม 7 เดือน ตั้งใหม่ 46,159 ราย เลิก 7,552 ราย คาดช่วงที่เหลือบริษัทตั้งใหม่ยังมีแนวโน้มดี แต่จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนก.ค.2565 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 5,858 ราย เทียบกับมิ.ย.2565 ลดลง 12% และเทียบกับก.ค.2564 เพิ่มขึ้น 3% โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 29,111.36 ล้านบาท และประเภทธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร ที่กลับมาติดอันดับ 3 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 1,543 ราย เมื่อเทียบกับมิ.ย.2565 เพิ่มขึ้น 5% เทียบกับก.ค.2564 เพิ่มขึ้น 35% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกจำนวน 7,148.05 ล้านบาท โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร
ทั้งนี้ ยอดรวมการจดทะเบียนตั้งใหม่ 7 เดือนปี 2565 (ม.ค.-ก.ค.) มีจำนวน 46,159 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 309,716.15 ล้านบาท และยอดเลิกกิจการ รวม 7,552 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียน จำนวน 65,660 ล้านบาท
นายทศพล กล่าวว่า แนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้มากขึ้น มีการเปิดให้บริการสถานบันเทิงทั่วประเทศในช่วงเดือนก.ค.2565 การปรับลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง สถานการณ์การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังคงมีแนวโน้มขยายตัว ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคลย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า จำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่จะมีแนวโน้มลงลงในช่วงปลายปี ทำให้กรมฯ คาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ตลอดทั้งปี 2565 อยู่ที่ประมาณ 68,000-72,000 ราย ลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ประเมินไว้ที่ 70,000–75,000 ราย
ปัจจุบัน มีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 ก.ค.2565) จำนวน 846,797 ราย มูลค่าทุน 20.32 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 203,402 ราย คิดเป็น 24.02% บริษัทจำกัด จำนวน 642,036 ราย คิดเป็น 75.82% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,359 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ
การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนกรกฎาคม 2565 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนกรกฎาคม 2565 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ผลการจดทะเบียนธุรกิจ
ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนกรกฎาคม 2565
- จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศในเดือนกรกฎาคม 2565 จำนวน 5,858 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 29,111.36 ล้านบาท
- ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 518 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 343 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 268 ราย คิดเป็น 4% ตามลำดับ
- ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,060 ราย คิดเป็น 69.31% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,700 ราย คิดเป็น 29.02% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 77 ราย คิดเป็น 1.31% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 21 ราย คิดเป็น 0.36% ตามลำดับ
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนกรกฎาคม
- จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนกรกฎาคม 2565 มีจำนวน 1,543 ราย โดยมีมูลค่า
ทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการจำนวน 7,148.05 ล้านบาท
- ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 151 ราย คิดเป็น 10% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 78 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 54 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ
- ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 1,124 ราย คิดเป็น 72.85% รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 342 ราย คิดเป็น 22.16% ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 65 รายคิดเป็น 4.21% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 12 ราย คิดเป็น 0.78% ตามลำดับ
ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนกรกฎาคม 2565
- ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 ก.ค. 65) ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 846,797 ราย มูลค่าทุน 20.32 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 203,402 ราย คิดเป็น 24.02% บริษัทจำกัด จำนวน 642,036 ราย คิดเป็น 75.82% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,359 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ
- ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 501,851 ราย คิดเป็น 59.26% รวมมูลค่าทุน 0.44 ล้านล้านบาท คิดเป็น 2.17% รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 252,524 ราย คิดเป็น 29.82% รวมมูลค่าทุน 0.85 ล้านล้านบาท คิดเป็น 4.20% ช่วงถัดไปคือ
ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 75,424 ราย คิดเป็น 8.91% รวมมูลค่าทุน 2.07 ล้านล้านบาท
คิดเป็น 10.17% และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 16,998 ราย คิดเป็น 2.01% รวมมูลค่าทุน 16.96 ล้านล้านบาท คิดเป็น 83.46% ตามลำดับ
การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว
เดือนกรกฎาคม 2565
- เดือนกรกฎาคม 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 39 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 16 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 23 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 3,675 ล้านบาท เป็นผลให้ในปี 2565 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น จำนวน 323 ราย เพิ่มขึ้น 16% เงินลงทุน 73,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
(มกราคม - กรกฎาคม 2564)
- นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด 3 สัญชาติแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 11 ราย เงินลงทุน 2,734 ล้านบาทรองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 7 ราย เงินลงทุน 91 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา จำนวน 5 ราย เงินลงทุน 330 ล้านบาท ตามลำดับ
การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดือนกรกฎาคม 2565
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวก เพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนางานบริการทุกกระบวนการของกรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และประกาศกรมเรื่องการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยในปี 2565 (ม.ค. – ก.ค.) มีจำนวนขอรับข้อมูล 2,112,758 ราย ซึ่งผ่านช่องทาง Self Pick up มีจำนวน 995,051 ราย , EMS จำนวน 258,612 ราย , Delivery จำนวน 14,209 ราย
และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate File) จำนวน 844,886 ราย และรองรับการให้บริการหนังสือรับรอง
การประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติและสมาคมการค้า หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD
e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ iOS
การให้บริการขอหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ส่วนกลาง) และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 1-6 ให้ขอรับบริการได้เฉพาะทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Service) ผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) มาตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขยายเวลาการลดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัทลง 50% สำหรับ ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด ที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เขตพัฒนาเฉพาะกิจ (พื้นที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลาเฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล) ซึ่งสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ให้ขยายไปสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2566
DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์
การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2564 ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2565 มีนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้ว จำนวน 608,713 ราย คิดเป็น 80% ของนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงิน โดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 605,534 ราย คิดเป็น 99% และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 3,179 ราย คิดเป็น 1% กรมจึงขอประชาสัมพันธ์ให้ภาคธุรกิจ สมาคมการค้า หอการค้า ที่ยังไม่ได้นำส่งงบการเงินประจำปี 2564 ให้นำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) เป็นหลัก เช่นเดียวกับ การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี
ทั้งนี้ การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นสามารถนำส่งได้ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลงบการเงินผ่าน DBD Data Warehouse หรือ DBD Service ผ่าน Application ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้าทางธุรกิจ และสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลงบการเงินประกอบการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าระบบ DBD e-Filing จะเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนและสนับสนุนภาคธุรกิจไทยให้ก้าวสู่การค้าในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเป็นรูปธรรม
e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) จึงเป็นนวัตกรรม ที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมาย ที่กำหนด ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการได้รวมทั้งสิ้น 9 ธนาคาร จำนวน 3,223 สาขา
e-Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ ผ่านเว็ปไซต์ www.dbd.go.th และ Application : DBD e-service ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผ่านเว็ปไซต์ Biz Portal ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.)
ตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 704,918 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 13,500,698 ล้านบาทโดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน
สำหรับ เดือนกรฎาคม 2565 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 7,059 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 287,349 ล้านบาท โดยทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน
ทางธุรกิจมากที่สุด ได้แก่ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 80.49 (มูลค่า 231,299 ล้านบาท) รองลงมาคือ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่นเครื่องจักร สินค้าคงคลัง คิดเป็นร้อยละ 19.50 (มูลค่า 56,039 ล้านบาท) กิจการมีการจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 0.004 (มูลค่า 11 ล้านบาท) ทั้งนี้ มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 417 คำขอ และจดทะเบียนยกเลิกสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 2,460 คำขอ โดยมีผู้รับหลักประกัน จำนวนทั้งสิ้น 364 ราย
e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์
การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 – 31 กรกฎาคม 2565
มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 143,926 ราย รับจดทะเบียน 158,109 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึง
การเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration
นอกจากนั้น ในวันที่ 4 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา กรมได้เปิดบริการการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบ e-Registration ในสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี เชียงใหม่ ชลบุรี
สุราษฎร์ธานี อุดรธานี เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และนิติบุคคลที่มีสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ในจังหวัดนั้น
DBD Connect เชื่อมระบบบัญชีสู่การยื่นงบการเงินออนไลน์ (DBD e-Filing)
กรมฯ ร่วมกับผู้ผลิตซอฟแวร์บัญชีชั้นนำของประเทศ จำนวน 16 ราย (20 โปรแกรม) พัฒนาการเชื่อมโยงซอฟต์แวร์บัญชีกับระบบการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) แบบอัตโนมัติ ผ่านระบบ
DBD Connect อำนวยความสะดวกการจัดทำบัญชีและงบการเงินสำหรับนักบัญชีให้สามารถนำส่งงบการเงิน ในรูปแบบ XBRL ที่เชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีพร้อมนำส่งงบการเงินผ่าน DBD e-Filing ได้โดยตรง และไม่ต้องกรอกข้อมูลงบการเงินซ้ำการบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร (Total Solution for SMEs) และ e-Accounting for SMEs
Total Solution for SMEs เป็นการขับเคลื่อน SMEs ด้วยนวัตกรรม
โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการธุรกิจที่ครบวงจรได้โดยง่าย เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น Smart SMEs ซึ่งกรมได้รวบรวมโปรแกรมด้านการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วนไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน (Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online (Cloud Accounting) ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 โปรแกรม
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้แจกฟรี 'โปรแกรม e-Accounting for SMEs'ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้าร้าน (POS) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย เช่น มี Scanner เพื่อซื้อขายสินค้าในตัว , มีฐานข้อมูลของสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เป็นต้น โดยร้านค้าสามารถสมัครขอใช้งานโปรแกรม e-Accounting for SMEs ได้ผ่านทางโครงการ Total Solution for SMEs หรือดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store ในระบบ Android
DBD Data Warehouse
กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุนการตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในเดือนกรกฎาคม 2565 มีผู้ใช้บริการจำนวนทั้งสิ้น 1,267,238 ครั้ง และในปี 2565 (มกราคม – กรกฎาคม) มีจำนวนผู้ใช้งานสะสม 8,315,338 ราย