- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 02 December 2014 23:08
- Hits: 2701
ก.ทรัพยากร จับมือ พาณิชย์-สตช. เตรียมลงดาบผู้ค้างาช้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ลุยลงพื้นที่เจเจมอลล์ตรวจร้านค้างาช้างซ้ำพบเลิกค้างาช้างเพิ่มขึ้น
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จับมือกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลุยลงพื้นที่ค้างาช้างอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดลงพื้นที่เจเจมอลล์ซ้ำ พบผู้ค้าเลิกค้างาช้างเพิ่มขึ้น พร้อมสนับสนุน! ลด ละ เลิก การบริโภคงาช้างตัดตอนต้นทางของปัญหาเตรียมลงดาบผู้ค้างาช้างที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หวังผลระยะยาวช่วยแก้ปัญหาค้างาช้างผิดกฎหมายในไทย
นายชัยณรงค์ โชไชยรองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์ตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย คนที่ 1 เปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (พลเอก ดาว์พงษ์รัตนสุวรรณ) ได้มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผอ.ศปทส.ตร.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลุยลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณแหล่งค้างาช้างที่สำคัญในเขตกรุงเทพมหานคร และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทั่วประเทศ เพื่อเร่งจัดระเบียบผู้ค้างาช้างและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันลงพื้นที่บริเวณสวนจตุจักร ศูนย์การค้าเจเจมอลล์ศูนย์การค้ารอยัลริเวอร์ ท่าพระจันทร์ ดิโอล์ดสยามพลาซ่า ฯลฯ รวมทั้ง แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญทั่วประเทศ เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ค้างาช้างทำการขึ้นทะเบียนผู้ค้างาช้างและปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายไปแล้ว 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 20-23 กันยายน 2557 และ วันที่ 5-9 พฤศจิกายน 2557
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 ได้ร่วมกันลงพื้นที่บริเวณศูนย์การค้าเจเจมอลล์ซ้ำเพื่อแจ้งเตือนผู้ค้างาช้างที่ยังไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ให้ดำเนินการจดทะเบียนให้ถูกต้องตามพ.ร.บ.ทะเบียนพาณิชย์ พ.ศ.2499 และจัดทำบัญชี ตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 พร้อมสำรวจร้านค้างาช้างที่เคยแจ้งเตือนให้จดทะเบียนพาณิชย์ไปแล้วรวมทั้ง ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการค้างาช้างฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2558 จากการสำรวจพบว่า มีผู้ประกอบการค้างาช้างทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 339 ราย หลังลงพื้นที่แจ้งเตือนและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง มีผู้ค้างาช้างเลิกประกอบการค้างาช้าง จำนวน 86 ราย คิดเป็นร้อยละ 25.4 และไม่พบร้านค้างาช้าง/ปิดร้าน จำนวน 50 ราย คิดเป็นร้อยละ 14.7 สะท้อนถึงมาตรการจัดระเบียบผู้ค้างาช้างที่เข้มงวดของหน่วยงานภาครัฐประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
สำหรับ ผู้ค้างาช้างที่ยังคงเพิกเฉยไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังในอัตราโทษสูงสุดนอกจากนี้ พร้อมสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปลด ละ เลิก การบริโภคงาช้างอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นการตัดตอนต้นทางของปัญหาเกี่ยวกับการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายของไทยที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
มาตรการที่เข้มงวดดังกล่าว จะเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมปริมาณผู้ค้างาช้าง และแก้ปัญหาการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายของประเทศไทยในระยะยาว โดยเฉพาะการค้างาช้างแอฟริกา และงาช้างป่า
ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญในระดับสูงสุดต่อการควบคุมการค้างาช้างในประเทศให้เป็นระบบ และหามาตรการสกัดกั้น การลักลอบค้างาช้างที่ผิดกฎหมายมาโดยตลอด พร้อมทั้งเข้มงวดต่อการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยหวังว่า'ไซเตส'จะเข้าใจถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาการลักลอบค้างาช้างผิดกฎหมายของประเทศไทยและไม่ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการค้าสินค้าเชิงพาณิชย์ทุกประเภทที่อยู่ภายใต้ความควบคุมของไซเตส อันจะส่งผลกระทบในภาพรวมต่อภาคการส่งออกสินค้าของไทยในอนาคต และทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเสียหายนับพันล้านบาท
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย