WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1aโต้ฝ่ายค้าน

จุรินทร์ โต้ฝ่ายค้าน ลั่นไล่สางทุจริตถุงมือยาง สวนโกงข้าว-มันยุคก่อน เจ๊งกว่า 5 แสนล้านก็ตาม

     จุรินทร์ ตอกกลับฝ่ายค้าน โกหกกลางสภา คดีถุงมือยางเทียม ลั่นดำเนินการเอาผิดหมด ทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ ทั้งอาญา ทั้งแพ่ง ไม่เอาไว้ ย้ำตามเงิน 2,000 ล้านบาทคืนพร้อมดอกเบี้ย ส่วนคดี ‘จำนำข้าว-จำนำมัน’ รัฐบาลชุดฝ่ายค้านทำไว้ เสียหายเละเทะ 5 แสนล้าน กับ 3 หมื่นกว่าล้าน ก็กำลังตามคืนอยู่ ไม่มีหยุด ก่อนเชือดนิ่มๆ สงสัย ‘หูดับ’ ที่ไม่เห็นความคืบหน้า   

      นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เรื่องการทุจริตถุงมือยางเทียม ที่ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ว่า เรื่องที่อภิปรายมา ตนชี้แจงไปชัดเจนแล้วเกือบทั้งสิ้น เพียงแต่ท่านมาเติมว่าตั้งแต่วันที่ท่านอภิปรายถึงวันนี้ไม่มีความคืบหน้า และตนไม่กล้าจัดการอะไรกับประธานบอร์ด ที่ท่านกล่าวหาไม่เป็นความจริง และท่านโกหกกลางสภา แอบอ้างผลงานว่าท่านนำเรื่องไปยื่น ป.ป.ช. และ ป.ป.ช. ไต่สวน 22 รายมีความก้าวหน้าในคดี ป.ป.ช. อันนี้ก็โกหก ไม่จริง ป.ป.ช. ไต่สวน ไม่ใช่เอาสำนวนท่านไปไต่สวน ไต่สวนเพราะองค์การคลังสินค้า (อคส.) ไปยื่นแจ้งให้สอบสวนคดีทุจริต และมีความคืบหน้าคาดว่าอาจจะมีมติชี้มูลเร็วๆ นี้ ที่สำคัญไม่ได้เกี่ยวข้องกับตนในแง่ที่ตนจะเป็นผู้ร่วมกระบวนการทุจริต ไม่เคยมีการเรียกตนไปชี้แจง

     หากเกี่ยวข้องต้องเรียกตนไปชี้แจง ยังไม่เคยมีขอทำความเข้าใจ ที่ท่านกล่าวหาว่าตนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตไม่จริง ทั้งในที่ลับที่แจ้ง ทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทันทีที่ทราบเรื่องเข้าไปบริหารจัดการมีความคืบหน้าเป็นลำดับ

      ทั้งนี้ ภารกิจของ อคส. ในการทวงเงินคืนจากการกระทำการทุจริต ที่ อคส. ต้องเป็นเจ้าของเรื่อง ไม่ได้มีแต่เรื่องถุงมือยาง อย่างน้อยเงิน 3 ก้อนใหญ่ ที่ต้องดำเนินการมีความคืบหน้าทั้งสิ้น คือ 1.ทุจริตถุงมือยาง 2,000 ล้านพร้อมดอกเบี้ย 2.เงิน 504,861 ล้านบาท ที่ อคส. ต้องเรียกค่าเสียหายคืนจากการทุจริตจำนำข้าวสมัยพวกท่านเป็นรัฐบาล ยังไม่จบ ทำไมไม่เห็นทวงว่าช้า เพราะทุกอย่างมีขั้นตอนกระบวนการ ถ้าใครไปทำอะไรนอกกฎหมาย กระบวนการลงโทษผิดขั้นตอนและเป็นช่องว่างให้คนที่กระทำการทุจริตเอ่ยอ้างและลอยนวลได้ในที่สุด และ 3.เงินทุจริตจำนำมันสำปะหลัง คู่แฝดทุจริตจำนำข้าวที่พวกท่านเป็นรัฐบาล ต้องไปทวงเงินคืนมาทั้งหมด 33,000 ล้านบาท

      สำหรับ เงินก้อนที่ 1 ทุจริตถุงมือยาง 2,000 ล้านบาทบวกดอกเบี้ย เกิดขึ้นเพราะอดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส. ทำสัญญาขายถุงมือยาง 125,000 ล้านบาทให้กับ 7 บริษัท จากนั้นทำสัญญาซื้อถุงมือยางกับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ 110,000 ล้านบาท โดยประมาณ ก็เป็นเงื่อนไขหรือจังหวะเบิกเงิน อคส. 2,000 ล้านบาท อ้างว่าจ่ายมัดจำ ซึ่งได้ดำเนินการการเบิกเงินจากบัญชี 2 ก.ย.2563 จากนั้น 10 ก.ย.2563 ผู้อำนวยการคนใหม่เข้ารับหน้าที่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ รายงานให้ทราบทันทีว่า พบเงินหายจากบัญชี 2,000 ล้านบาท

       และวันเดียวกัน ท่านนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งย้ายอดีตรักษาการผู้อำนวยการไปอยู่สำนักนายกฯ ทันที ถ้าท่านนายกฯ ละเลย ถ้านายจุรินทร์ละเลย คำสั่งนี้จะมาไหม จากนั้นผู้อำนวยการ อคส. ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง จากนั้น 18 ก.ย.2563 ผู้อำนวยการไปแจ้งความอดีตรักษาการผู้อำนวยการกับพวกกับดีเอสไอ และแจ้งความกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดบัญชีในทันที จากนั้นผู้อำนวยการ อคส. แจ้งความกับ ป.ป.ช.

       “ทันทีที่รับเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และสอบหมดแล้วตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตัวเล็กจนตัวใหญ่ถึงผู้อำนวยการ ประธานบอร์ด ไม่เว้นแม้แต่รัฐมนตรีหรือท่านนายกรัฐมนตรี คือ กระบวนการที่ท่านทราบดี จากนั้นกรรมการ ป.ป.ช. มีมติอายัดบัญชี 2,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.2563 มีความคืบหน้าในการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง อคส. พบการกระทำผิด ชี้มูลความผิด 3 ราย คือ อดีตรักษาการผู้อำนวยการ และเจ้าหน้าที่อีก 2 ราย จากนั้นผู้อำนวยการก็ตั้งกรรมการสืบสวนต่อไปเพื่อลงโทษทางวินัยตามระเบียบ

หลังจากที่ท่านอภิปรายทุกอย่างมีความคืบหน้า วันที่อภิปราย ผมยืนยันกับสภาชัดเจนว่าไม่เคยมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องยุ่งเกี่ยวกับโครงการนี้ หรือการดำเนินการใด ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการทั้งที่ลับที่แจ้ง และได้ชี้ให้เห็นว่าวันนั้นท่านโกหกหลายเรื่องทั้งเก่าหาว่าไม่เคยตั้งกรรมการสอบ และกล่าวหาว่าไม่เคยมีการอายัดเงินก็ไม่จริง ป.ป.ช.อายัดเงินแล้ว ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่กฎหมายรองรับ ที่บอกว่าไม่เคยดำเนินคดีก็ไม่จริงส่ง ปปง. ป.ป.ช.ซึ่งเป็นการเริ่มต้นกระบวนการยุติธรรม

และอธิบายไว้ชัดเจนว่าไม่ว่าจะรู้จักใคร ผู้ใหญ่ขนาดไหน รู้จักนายกรัฐมนตรี รู้จักรัฐมนตรี ไม่ได้แปลว่าจะมีอำนาจล้นฟ้า เมื่อไรที่ทำผิดกฎหมายก็ต้องเข้าคุก เรื่องนี้ไม่ยอมไม่ว่าใครทุจริตโครงการนี้ก็ตาม จะจัดการทั้งทางวินัยแพ่ง อาญา จนถึงที่สุด ตราบเท่าที่มีอำนาจหน้าที่ และกฎหมายให้อำนาจ เป็นสิ่งที่ยืนยันผูกพันไว้กับสภาแห่งนี้ และได้ดำเนินการมาโดยต่อเนื่อง”นายจุรินทร์กล่าว

            นายจุรินทร์ กล่าวว่า หลังอภิปรายครั้งก่อน มี 3 เรื่องที่ตนเร่งรัดดำเนินการ คือ คดีแพ่งกับอาญา สั่งการให้ผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ ให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.ในทุกเรื่อง ปปง.ทุกประการ และติดตามรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ และเร่งรัดการลงโทษทางวินัย ใครเกี่ยวข้องให้นำเงิน 2,000 ล้านบวกดอกเบี้ยมาชดใช้ค่าเสียหาย มีความคืบหน้าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงสรุปผลการสอบวินัยเสร็จ ได้ชี้มูลความผิด 3 ราย มีมติให้ไล่ออกทั้ง 3 ราย ผู้อำนวยการ อคส.ออกคำสั่งไล่ออกตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.2564 จำนวน 2 ราย

       ส่วนอดีตรักษาการผู้อำนวยการ บังเอิญว่า โดนคำสั่งย้ายไปสำนักนายก จึงถามไปยังกฤษฎีกาเป็นการดำเนินการ กฤษฎีกา ตอบว่า อำนาจหน้าที่ในการดำเนินการทางวินัยเป็นหน้าที่ของปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้กระบวนการลงโทษถูกต้องตามกฎหมายไม่ถูกโต้แย้งวันหลังให้เป็นโมฆะ โดยให้สามารถนำผลการสอบสวนของ อคส. ไปดำเนินการทางวินัย ให้ถือว่า เป็นการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้ ปลัดสำนักนายกฯต้องตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยโดยทำตามพระราชกฤษฎีกา ตอนนี้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี จบเรื่องวินัยและต้องติดตามต่อไป

       ส่วนเรื่องละเมิด ติดตามทวงเงิน 2,000 ล้านบวกดอกเบี้ยคืน ใครกระทำความผิดหรือเกี่ยวข้องต้องนำเงินมาชดใช้เพราะเงินหลวงตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ ต้องไล่เบี้ยจนมีผู้นำเงินมาชดใช้ ตามพ.ร.บ.การรับผิดทางละเมิด ได้มีการแต่งตั้งโดยผู้อำนวยการ อคส. มีรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ผลการสอบออกมาแล้ว มีด้วยกัน 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ตั้งสอบแล้วพบเจตนาทำให้รัฐเสียหาย 2.กลุ่มที่กรรมการชี้ว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เจตนาทำให้รัฐเสียหาย มี 4 รายต้องชดใช้คนละ 400.8 ล้านบาท รวม 1,603 ล้านบาท 4 ราย 3 รายแรก คือ เจ้าหน้าที่ ที่ถูกชี้มูลความผิดทางวินัย และเพิ่มอีกหนึ่ง คือ ประธานบอร์ด

      วันนี้ชัดเจนว่าประธานบอร์ด ก็ถูกชี้ว่า ต้องรับผิดชอบชดใช้ความเสียหายด้วย ข้อหาเจตนาทำในข้อหาเจตนาทำให้รัฐเสียหาย 400 ล้านบาท โดยประมาณ 2.กลุ่มที่ประมาทเลินเล่อมี 3 ราย ชดใช้คนละ 133.6 ล้านบาท รวม 400.8 ล้านบาท รวมสองกลุ่มเป็น 2,000 ล้านบาท บวกดอกเบี้ย

 

 Click Donate Support Web  

 

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!