- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Tuesday, 02 December 2014 07:43
- Hits: 2027
พาณิชย์ จ่อไฟเขียว'นม'ขึ้นราคาหนุน'ฟาร์มเอาต์เลต'ช่วยเกษตรกร
ไทยโพสต์ : นนทบุรี 'พาณิชย์'เตรียมไฟเขียวขึ้นราคานม หลัง ครม.อนุมัติขึ้นน้ำนมดิบ 1 บาท ชี้แอลพีจี-เอ็นจีวีปรับขึ้นไม่กระทบต้นทุนสินค้า แค่ส่งผลจิตวิทยาประชาชน เตรียมส่งธงฟ้า 950 ครั้งในปีงบ 58 ลดค่าครองชีพ หนุน 'ฟาร์มเอาต์เลต' ช่วยเหลือเกษตรกรท้องถิ่น
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้จะเรียกประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาสินค้านม โดยจะหารือถึงแนวทางการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นมที่ใช้น้ำนมดิบเป็นวัตถุดิบ หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบ 1 บาท/กิโลกรัม (กก.) จาก 18 บาท/กก. เป็น 19 บาท/กก. และให้มีผลตั้งแต่วันที่กระทรวงพาณิชย์อนุมัติให้ผลิตภัณฑ์นมปรับขึ้นราคา
"ครม.มีมติปรับราคาน้ำนมดิบ ก็คงต้องให้สินค้านมปรับขึ้นตามด้วย ซึ่งต้องประชุมคณะอนุกรรมการฯ ก่อน เพื่อดูว่าราคาน้ำนมดิบที่เพิ่มขึ้น 1 บาท/กก. มีผลต่อต้นทุนการผลิต เพื่อพิจารณาในการปรับราคา ซึ่งคงจะอนุมัติให้สินค้านมปรับขึ้นทันทีหลังประชุมคณะอนุกรรมการฯ" นายบุณยฤทธิ์กล่าว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า กรมการค้าภาย ในได้ศึกษาผลกระทบการปรับขึ้นก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) พบว่า การ ปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี 0.62 บาท/กก. เมื่อเดือน ต.ค.2557 จาก 2.138 บาท/กก. เป็น 22 บาท/กก. ไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งสินค้า เนื่องจากรถบรร ทุกขนส่งส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดีเซล และใช้ก๊าซเอ็นจีวีแค่สัดส่วน 4.45% ของรถบรรทุกทั้งหมด แต่ มีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของประ ชาชนที่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นวันละ 2.55 บาท และรถแท็ก ซี่เพิ่มขึ้นวันละ 12.75 บาท/1 กะ และอาจมีผลกระทบต่อจิตวิทยา ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าค่าครองชีพจะเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับ การปรับขึ้นก๊าซเอ็นจีวีในส่วนของรถยนต์ส่วนบุค คล กก.ละ 1 บาท จาก 10.50 บาท/กก. เป็น 11.50 บาท/กก. ส่วนรถโดยสารสาธารณะให้คงราคาก๊าซเอ็นจีวีไว้ที่ 8.50 บาท/กก. พบว่าไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งสินค้าเช่นกัน แต่กระทบต่อค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลของการใช้รถยนต์ส่วนตัวเพิ่มขึ้นวันละ 6 บาท และมีผลต่อจิตวิทยา ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าค่าครองชีพสูงขึ้น ซึ่งต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนว่าไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนสินค้า
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า แผนการดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชน นอกจากจะมีการจัดโครงการลดราคาสิน ค้าเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประ ชาชนแล้ว ในปีงบประมาณ 2558 จะจัดโครงการธงฟ้าราคาประหยัด โดยกำหนดจัดงานจำนวน 950 ครั้ง คาดว่าผู้บริโภคประมาณ 6.5 ล้านคน สามารถประหยัดรายจ่ายในการซื้อสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
นายบุณยฤทธิ์ กล่าวอีกว่า กรมได้จัดทำโครงการพัฒนาและส่งเสริมศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน (ฟาร์มเอาต์เลต) เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาผล ผลิตเกษตรไม่ให้ผันผวน เพิ่มมูลค่าผลผลิต เพิ่มช่องทางการจำหน่าย และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายจะพัฒนาและส่งเสริมศูนย์ดังกล่าวในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ล่าสุดเปิดฟาร์มเอาต์เลตได้แล้ว 21 แห่งใน 15 จังหวัดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ อาจจะใช้ชุมนุมสหกรณ์ หรือสหกรณ์การเกษตรในชุมชน เป็นแหล่งรับซื้อผล ผลิตทางการเกษตร สินค้าปลอดสารพิษของคนในชุมชน แล้วขายให้คนในชุมชนและชุมชนใกล้เคียง หรือนักท่องเที่ยว.