- Details
- Category: พาณิชย์
- Published: Wednesday, 15 June 2022 08:22
- Hits: 4474
พาณิชย์-DITP เดินหน้าขยายตลาดอินเดียเชิงลึก ลุยเพิ่มกิจกรรมขยายตลาด เร่งลงนาม MoU กับรัฐเพิ่ม
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เดินหน้าเจาะตลาดอินเดียเชิงลึก เตรียมลุยจัดกิจกรรมผลักดันการส่งออกสินค้าไทยเป็นรายเมือง จัด OBM เพิ่มโอกาสส่งออก พร้อมเดินหน้าลงนาม MoU กับรัฐเพิ่มเติม หลังประสบความสำเร็จกับรัฐเตลังคานาแล้ว คาดรัฐกรณาฏกะ และรัฐมหาราษฏระ ลงนามได้ไม่ช้านี้
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้กรมฯ ทำแผนขยายตลาดเป้าหมายแบบเชิงรุกและเชิงลึก ล่าสุดกรมฯ ได้เดินหน้าขยายตลาดอินเดียแบบเชิงลึก โดยมีแผนที่จะเพิ่มการจัดกิจกรรมเจาะตลาดในรูปแบบต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งจะเร่งรัดการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) กับรัฐเป้าหมายในอินเดียให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อผลักดันการส่งออกในปี 2565 ให้เป็นไปตามเป้าหมายมูลค่า 9,216.83 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8%
สำหรับกิจกรรมที่กรมฯ จะดำเนินการเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับ Lulu Mall ในการทำตลาดสินค้าไทย ช่วง 10-31 กรกฎาคม 2565 จัด Top Thai Brand และ Thailand Week ที่กรุงนิวเดลี จัดงาน Thai Trade Expo 2022 ที่รัฐเตลังคานา วันที่ 5-7 สิงหาคม 2565 จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ (OBM) สินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ผักและผลไม้ มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ไม้ยางพาราและผลิตภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง แบตเตอรี อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ เฟอร์นิเจอร์ อัญมณีและเครื่องประดับ และธุรกิจบริการ ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องจนถึงเดือนกันยายน 2565
ทั้งนี้ กิจกรรมที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น การจัด In-Store Promotion ร่วมกับ Ratanadeep Supermarket มีมูลค่าการสั่งซื้อทันที 1.25 ล้านบาท การจัด Top Thai Brand 2022 ที่เมืองปูเน่ มีมูลค่าการสั่งซื้อภายใน 1 ปี 200 ล้านบาท และกิจกรรม OBM ช่วงต.ค.2564-เม.ย.2565 มีมูลค่าการสั่งซื้อรวม 688.81 ล้านบาท รวมทำรายได้เข้าประเทศแล้ว 1,371.63 ล้านบาท
นายภูสิตกล่าวว่า กรมฯ ยังมีเป้าหมายในการเดินหน้าจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MoU)ร่วมกับรัฐต่าง ๆ ของอินเดียเพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้ลงนามกับรัฐเตลังคานาของอินเดียไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลงนามครั้งประวัติศาสตร์ ที่เป็นครั้งแรกที่กระทรวงพาณิชย์มีการลงนาม MOU ด้านการค้าการลงทุนกับรัฐบาลระดับรัฐของอินเดีย โดยมีแผนที่จะทำ MoU ลักษณะเดียวกันนี้กับรัฐอื่นๆ ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจของอินเดียเพิ่มเติม ได้แก่ รัฐกรณาฏกะ รัฐมหาราษฏระ รัฐเกรละ รัฐอัสสัม และรัฐคุชราต ทั้งนี้ รัฐที่มีความคืบหน้า คือ รัฐกรณาฏกะ และรัฐมหาราษฏระ ที่คาดว่าจะมีการลงนามกันได้ในไม่ช้านี้
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในอินเดีย เดินหน้าศึกษาและหาโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปลงทุน หรือร่วมลงทุนทำธุรกิจในอินเดียในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ภาคบริการ การโรงแรมและการท่องเที่ยว การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ การผลิตส่วนประกอบยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการเกษตรและการแปรรูปอาหาร ซึ่งเป็นสาขาที่อินเดียยังขาดทักษะและความเชี่ยวชาญ รวมทั้งการหาลู่ทางในการขยายตลาดสินค้าไทยในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น การส่งสินค้าป้อนตลาดค้าปลีกและแฟรนไชส์ในอินเดีย โดยเฉพาะ E-commerce startups เนื่องจากฐานผู้บริโภคชนชั้นกลางถึงชั้นสูงที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน อินเดียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 11 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ ในปี 2564 การค้ารวมมีมูลค่า 14,940.49 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 52.52% แยกเป็นการส่งออก มูลค่า 8,534.10 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 55.05% และนำเข้า มูลค่า 6,406.39 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 49.28% ส่วนช่วง 3 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-มี.ค.) การค้ารวมมีมูลค่า 4,600.14 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.30% แยกเป็นการส่งออกมูลค่า 2,578.76 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 33.03% และนำเข้ามูลค่า 2,021.38 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.75%
สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169
พาณิชย์ บุกเจาะอินเดียเชิงลึก เพิ่มกิจกรรมขยายตลาด เร่งลงนาม MoU กับรัฐใหม่
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เดินหน้าเจาะตลาดอินเดียเชิงลึก เตรียมลุยจัดกิจกรรมผลักดันการส่งออกสินค้าไทยเป็นรายเมือง จัด OBM เพิ่มโอกาสส่งออก พร้อมเดินหน้าลงนาม MoU กับรัฐเพิ่มเติม หลังประสบความสำเร็จกับรัฐเตลังคานาแล้ว คาดรัฐกรณาฏกะ และรัฐมหาราษฏระ ลงนามได้ไม่ช้านี้
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้กรมฯ ทำแผนขยายตลาดเป้าหมายแบบเชิงรุกและเชิงลึก ล่าสุดกรมฯ ได้เดินหน้าขยายตลาดอินเดียแบบเชิงลึก โดยมีแผนที่จะเพิ่มการจัดกิจกรรมเจาะตลาดในรูปแบบต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งจะเร่งรัดการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) กับรัฐเป้าหมายในอินเดียให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อผลักดันการส่งออกในปี 2565 ให้เป็นไปตามเป้าหมายมูลค่า 9,216.83 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8%
สำหรับ กิจกรรมที่กรมฯ จะดำเนินการเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับ Lulu Mall ในการทำตลาดสินค้าไทย ช่วง 10-31 ก.ค.2565 จัด Top Thai Brand และ Thailand Week ที่กรุงนิวเดลี จัดงาน Thai Trade Expo 2022 ที่รัฐเตลังคานา วันที่ 5-7 ส.ค.2565 จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ (OBM) สินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ผักและผลไม้ มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ไม้ยางพาราและผลิตภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง แบตเตอรี อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ เฟอร์นิเจอร์ อัญมณีและเครื่องประดับ และธุรกิจบริการ ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องจนถึงเดือนก.ย.2565
ทั้งนี้ กิจกรรมที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น การจัด In-Store Promotion ร่วมกับ Ratanadeep Supermarket มีมูลค่าการสั่งซื้อทันที 1.25 ล้านบาท การจัด Top Thai Brand 2022 ที่เมืองปูเน่ มีมูลค่าการสั่งซื้อภายใน 1 ปี 200 ล้านบาท และกิจกรรม OBM ช่วงต.ค.2564-เม.ย.2565 มีมูลค่าการสั่งซื้อรวม 688.81 ล้านบาท รวมทำรายได้เข้าประเทศแล้ว 1,371.63 ล้านบาท
นายภูสิต กล่าวว่า กรมฯ ยังมีเป้าหมายในการเดินหน้าจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MoU) ร่วมกับรัฐต่างๆ ของอินเดียเพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้ลงนามกับรัฐเตลังคานาของอินเดียไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลงนามครั้งประวัติศาสตร์ ที่เป็นครั้งแรกที่กระทรวงพาณิชย์มีการลงนาม MOU ด้านการค้าการลงทุนกับรัฐบาลระดับรัฐของอินเดีย โดยมีแผนที่จะทำ MoU ลักษณะเดียวกันนี้กับรัฐอื่นๆ ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจของอินเดียเพิ่มเติม ได้แก่ รัฐกรณาฏกะ รัฐมหาราษฏระ รัฐเกรละ รัฐอัสสัม และรัฐคุชราต ทั้งนี้ รัฐที่มีความคืบหน้า คือ รัฐกรณาฏกะ และรัฐมหาราษฏระ ที่คาดว่าจะมีการลงนามกันได้ในไม่ช้านี้
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในอินเดีย เดินหน้าศึกษาและหาโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปลงทุน หรือร่วมลงทุนทำธุรกิจในอินเดียในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ภาคบริการ การโรงแรมและการท่องเที่ยว การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ การผลิตส่วนประกอบยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการเกษตรและการแปรรูปอาหาร ซึ่งเป็นสาขาที่อินเดียยังขาดทักษะและความเชี่ยวชาญ รวมทั้งการหาลู่ทางในการขยายตลาดสินค้าไทยในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น การส่งสินค้าป้อนตลาดค้าปลีกและแฟรนไชส์ในอินเดีย โดยเฉพาะ E-commerce startups เนื่องจากฐานผู้บริโภคชนชั้นกลางถึงชั้นสูงที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน อินเดียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 11 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ ในปี 2564 การค้ารวมมีมูลค่า 14,940.49 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 52.52% แยกเป็นการส่งออก มูลค่า 8,534.10 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 55.05% และนำเข้า มูลค่า 6,406.39 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 49.28% ส่วนช่วง 3 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-มี.ค.) การค้ารวมมีมูลค่า 4,600.14 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.30% แยกเป็นการส่งออกมูลค่า 2,578.76 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 33.03% และนำเข้ามูลค่า 2,021.38 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.75%